ชี้ปมปฏิรูป ส่งผลพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีน : คอลัมน์ รู้ไปโม้ด โดยน้าชาติ ประชาชื่น

ชี้ปมปฏิรูป จากตอนที่ 1 “นางน้อย” อยาก ได้คำอธิบายว่าด้วย นักท่องเที่ยวจีน ถามว่ามีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยมาก แต่ก็มีปัญหามาก จุดพอดีอยู่ตรงไหน น้าชาติ ประชาชื่น หาคำตอบนำมาจากอรรถาธิบายของ ผศ.วรศักดิ์ มหัทธโนบล ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันนี้ตอบกันต่อถึงปัจจัยในยุคคอมมิวนิสต์ที่ส่งผลต่อพฤติกรรมนักท่องเที่ยว จีน

ชี้ปมปฏิรูป

ช่วงที่สอง เป็นช่วงที่จีนเข้าสู่ยุคปฏิรูปและเปิดประเทศ ยุคนี้เกิดขึ้นหลังจากยุคแรกยุติลง และเห็นว่าการปฏิวัติวัฒนธรรมในยุคแรกนั้นเป็นข้อผิดพลาดที่ร้ายแรง ดังนั้น เมื่อจีนเข้าสู่ช่วงที่สอง หลักคำสอนของขงจื่อและศาสนาอื่นจึงกลับมามีที่ยืนในสังคมจีนได้อีกครั้ง ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้แล้วก็น่าที่ชาวจีนจะได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนกลับไป ดังเดิม คือมีรีตและวัตรปฏิบัติที่งดงามดังอดีต แต่การณ์หาเป็นเช่นนั้นไม่ ด้วยพฤติกรรมที่เป็นแบบชนชั้นกรรมาชีพยังคงปรากฏอยู่ ซึ่งก็คือพฤติกรรมที่เราเห็นจากนักท่องเที่ยวจีนนั้นเอง

นักท่องเที่ยวจีน

แม้จีนในยุคปฏิรูปจะมิได้ห้ามชาวจีนให้ ยึดถือวัตรปฏิบัติเดิมแบบขงจื่อก็ตาม แต่การรณรงค์เศรษฐกิจเสรีนิยมในยุคปฏิรูปทำให้ชาวจีนต่างก้มหน้าก้มตาสร้าง ความมั่งคั่งให้กับตนเอง หลังจากที่ต้องจมปลักอยู่กับความยากจนและชีวิตความเป็นอยู่ที่รังแครังคัดมา นานนับสิบปีก่อนหน้านั้น ภาวะเช่นนี้ย่อมเป็นที่เข้าใจได้สำหรับผู้เคยรับความขมขื่นมานาน แต่ก็ด้วยภาวะเดียวกันนี้เองกลับทำให้ชาวจีนมิได้หันไปยึดถือรีตเดิมไปด้วย กล่าวคือ มาบัดนี้ชาวจีนมิได้ยากจนดังแต่ก่อนแล้วก็จริง แต่ภายใต้รูปลักษณ์ของผู้มีชีวิตทางเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมใหม่ ชาวจีนจำนวนมากกลับมิอาจสลัดบุคลิกภาพในแบบชนชั้นกรรมาชีพของตนให้หลุดไปได้

จากเหตุนี้จึงได้พบเห็นบุคลิกภาพแบบชนชั้น กรรมาชีพภายใต้รูปลักษณ์แบบเสรีนิยมของชาวจีน หรือก็คือพฤติกรรมของชาวจีนบางกลุ่มบางคนดังที่รับรู้โดยทั่วกัน

นอกจาก นี้ยังมีมุมมองอื่นที่มีต่อพฤติกรรมของชาวจีน คือ เป็นปกติของชาวจีนที่มีมาตั้งแต่ยุคประวัติศาสตร์แล้ว ที่ว่าในยามที่ตกต่ำไม่ว่าจะมีผู้ปกครองที่ไร้คุณธรรมหรือจริยธรรม หรือมีไท้ต่างด้าวท้าวต่างแดนมาคุกคาม ชาวจีนจะทำตัวสงบเสงี่ยมจนน่าเห็นใจ แต่พอรุ่งโรจน์ขึ้นมาอีกครั้ง นิสัยเดิมๆ ที่มีมาแต่ดึกดำบรรพ์ก็กลับมา นั่นคือ มักดูถูกดูแคลนชนชาติอื่นว่าเป็นชนป่าเถื่อนอยู่เสมอ มีทัศนะเหยียดเชื้อชาติแฝงอยู่ หรืออีกนัยหนึ่งคือคลั่งชาติ (racism) โดยคิดว่าตนเหนือกว่า เมื่ออยากได้สิ่งใดจากคนที่ตนคิดว่าด้อยกว่าก็ต้องได้ หากไม่ได้ก็จะแสดงปฏิกิริยาตอบโต้โดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

อีกมุมมองหนึ่งคือ พฤติกรรมดังกล่าวเป็นปรากฏการณ์ปกติของชาติที่เพิ่งเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งกรณีจีนออกจะหนักหนาสาหัสสากรรจ์กว่าอีกหลายชาติ เพราะก่อนที่จะร่ำรวยดังทุกวันนี้จีนต้องตกอยู่ในวิบากกรรมมานานกว่าร้อยปี และตอนที่เป็นคอมมิวนิสต์ที่แม้จะไม่ตกเป็นเบี้ยล่างให้ใครอีก แต่เศรษฐกิจจีนก็อับจนอย่างยิ่ง พอลืมตาอ้าปากหรือปีกกล้าขาแข็งขึ้นมาได้จึงปฏิบัติตนไม่ถูก มุมมองนี้จึงเห็นว่าพฤติกรรมที่แย่ๆ ถือเป็นเรื่องธรรมดา และสักวันคงหายไปเอง

มุมมองสุด ท้ายคล้ายๆ กับมุมมองที่เห็นเป็นเรื่องปกติ มุมมองนี้เห็นว่าพฤติกรรมของชาวจีนที่ดูแย่นั้นมิได้เป็นกันหมดทุกคนหรือโดย ส่วนใหญ่ ซึ่งสามารถเห็นได้จากนักท่องเที่ยว ว่าถ้าส่วนใหญ่มีพฤติกรรมแบบนั้นแล้วก็คงยากที่ประเทศใดจะรับได้ และการท่องเที่ยวในประเทศนั้นคงพังพินาศไปนานแล้ว ในเมื่อเป็นพฤติกรรมของคนส่วนน้อย การหาทางแก้ไขจึงไม่น่าหนักใจและคิดว่าคนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้สามารถแก้ไข ตนเองได้ในวันหนึ่ง

มุมมอง นี้น่าสนใจตรงที่ว่า ตอนที่จีนเข้าสู่ยุคปฏิรูปนั้น หลายฝ่ายเชื่อว่าหลายเรื่องจีนไม่น่าจะทำได้ โดยเฉพาะเมื่อเรื่องนั้นมีฐานคิดแบบเสรีนิยมใหม่ในขณะที่จีนสมาทานสังคมนิยม มาช้านาน แต่แล้วจีนก็ทำได้ ดังนั้น การแก้ไขพฤติกรรมของชาวจีนจึงไม่ใช่เรื่องที่ไม่มีความหวังเอาเสียเลย เพียงแต่อาจต้องใช้เวลาบ้างเท่านั้น จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คงพอทำให้เข้าใจได้บ้างแล้วว่า พฤติกรรมที่แย่ๆ หรือก่อปัญหาของชาวจีนนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

เข้าใจพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีน : คอลัมน์รู้ไปโม้ด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน