คนรักทะเล เฮ! กฎกระทรวงคุ้มครองเกาะโลซิน มีผล 28 ก.ค. นี้ ‘วราวุธ’ ย้ำจิตสำนึกร่วมรักษาทรัพยากร ทช.เปิดข้อห้ามในพื้นที่ ฝ่าฝืนคุก 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท

กรณีราชกิจจานุเบกษาประกาศกฎกระทรวง กำหนดให้บริเวณเกาะโลซิน ต.บ้านน้ำบ่อ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เป็นพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2565 โดยจะมีผลบังคับใช้วันที่ 28 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป นั้น

เมื่อวันที่ 8 เม.ย. นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) กล่าวว่า ตนในฐานะนักดำน้ำและผู้บริหารที่ให้ความสำคัญและเดินหน้าป้องกันและรักษาทรัพยากรปะการังของไทยมาโดยตลอด ครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ตนได้พยายามเร่งรัด ผลักดัน ให้ประกาศกฎกระทรวงเพื่อคุ้มครองแนวปะการังบริเวณรอบเกาะโลซิน โดยได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ซึ่งมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบกฎกระทรวง กำหนดให้บริเวณเกาะโลซิน ตำบลบ้านน้ำบ่อ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี เป็นพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2565 และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2565 โดยจะมีผลบังคับใช้วันที่ 28 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป

พื้นที่บริเวณเกาะโลซินเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญและเปราะบางมาก อย่างช่วงกลางปี 2564 เราได้มีบทเรียนกรณีพบอวนประมงขนาดยักษ์ติดบริเวณแนวปะการังที่เกาะโลซิน รวมน้ำหนักอวนกว่า 800 กิโลกรัม ปกคลุมแนวปะการังกว่า 2,750 ตารางเมตร สร้างความเสียหายรุนแรงกว่า 550 ตารางเมตร จนเกิดปะการังฟอกขาว ปะการังซีดจางบางส่วน เหตุการณ์เหล่านี้ ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกไม่ว่าจะเป็นที่เกาะโลซิน หรือพื้นที่อื่นๆ ก็ตาม พื้นที่เกาะโลซิน นับเป็นพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลแห่งที่ 2 ต่อจากพื้นที่เกาะกระ จ.นครศรีธรรมราช ที่ประกาศไปแล้วตั้งแต่ปี 2564

อย่างไรก็ตาม ตนได้เร่งรัดกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้ดำเนินการประกาศพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลที่สำคัญแห่งอื่น ๆ โดยเร็ว อีกทั้ง ได้ฝากให้นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำกับการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด และต้องผ่านความเห็นชอบจากประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วย ทั้งนี้ ตนอยากจะฝากบอกพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวว่า

กฎกระทรวงคุ้มครองเกาะโลซิน มีผล 28 ก.ค. นี้

“มาตรการทางกฎหมาย เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่ง ในการกำกับและบังคับใช้เพื่อรักษาความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ ในช่วงระยะเวลาที่กำหนด แต่จิตสำนึกและความร่วมมือของทุกคน คือ หัวใจสำคัญและเป็นหนทางที่จะทำให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคงอยู่อย่างสมดุลและยั่งยืน ต่อไป ตราบใดที่เรายังขาดจิตสำนึกไม่ว่าเราจะมีกฎหมายที่มีบทลงโทษรุนแรงแค่ไหน หรือมีเครื่องไม้เครื่องมือในการตรวจกำกับที่ดีเพียงใด ก็จะไม่สามารถรักษาทรัพยากรของชาติ ให้สมบูรณ์ยั่งยืนได้ ตลอดไป” นายวราวุธ กล่าว

 

ด้านนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวเสริมว่า พื้นที่โดยรอบเกาะโลซิน พบปะการังหลากหลายชนิด ทั้งปะการังแข็ง ปะการังอ่อนและกัลปังหา เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของฉลามวาฬ รวมทั้งปลาน้อยใหญ่อีกกว่า 116 ชนิด และหอยกว่า 54 ชนิด อย่างไรก็ตาม ตามกฎกระทรวงดังกล่าว ได้กำหนดบริเวณพื้นที่บังคับไว้ 2 บริเวณ โดยมีกิจกรรมที่ห้ามดำเนินการที่แตกต่างกัน ดังนี้ บริเวณที่ 1 บริเวณแผ่นดินบนเกาะโลซินและพื้นที่ทะเลรอบเกาะเนื้อที่ประมาณ 1 ตารางกิโลเมตร ระยะทางห่างรอบเกาะจากฝั่งประมาณ 500 เมตร ห้ามก่อมลพิษ ห้ามกระทำความเสียหายต่อปะการัง สัตว์น้ำ ซากปะการัง กัลปังหา ห้ามทอดสมอเรือ ห้ามประกอบการประมง ห้ามก่อสร้าง ห้ามนำสัตว์หรือพืชจากที่อื่นเข้าไปในบริเวณ และห้ามขุดเจาะและทำเหมืองแร่ เป็นต้น

สำหรับบริเวณที่ 2 เป็นพื้นที่ในทะเล ห่างจากเกาะประมาณ 6 กิโลเมตร เนื้อที่รวมประมาณ 143 ตารางกิโลเมตร ห้ามก่อมลพิษ ห้ามกระทำการที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อแนวปะการัง สัตว์ทะเล และซากปะการัง ห้ามขุดเจาะและทำเหมืองแร่ ห้ามถมทะเลและขุดลอกร่องน้ำ และทำประมงยกเว้นการใช้เบ็ดมือ อย่างไรก็ตาม สำหรับกิจกรรมอื่น เช่น การดำน้ำ และการท่องเที่ยว กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จะได้กำหนดแนวทางและมาตรการ รวมถึง แผนการบริหารจัดการในพื้นที่ ต่อไป และจะได้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนชายฝั่ง เพื่อร่วมดำเนินการตามมาตรการที่ได้บังคับด้วย

ทั้งนี้ ได้กำหนดบทลงโทษหากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ตาม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จะได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวทราบโดยทั่วกัน ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน