ไต้หวัน เปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง หลังผ่านพ้นเหตุการณ์โควิด-19 ตอนนี้กลับมาทวงบัลลังก์ แหล่งท่องเที่ยวและจุดหมายปลายทางยอดนิยมของบรรดานักท่องเที่ยวชาวไทยและทั่วโลก พร้อมกลับไปให้หายคิดถึง อากาศสบายๆ ตึกไทเป101 ชานมไข่มุก และเซี่ยวหลงเปา
เกาะไต้หวัน ที่เราคุ้นชื่อกันดี ชื่อเดิม ฟอร์โมซา ดินแดนในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ขนาดพื้นที่ 35,808 ตารางกิโลเมตร ทางซ้ายติดกับจีนแผ่นดินใหญ่ ด้านตะวันออกเฉียงเหนือติดกับญี่ปุ่น และด้านใต้ติดกับฟิลิปปินส์
อันดับแรกเลยขอแนะนำ การเดินทางไปไต้หวัน จากเมืองไทยมีหลายสายการบินพร้อมให้บริการ ทั้งจากกรุงเทพ และเชียงใหม่ ซึ่งก็แล้วแต่สะดวกเลยว่าจะใช้บริการเจ้าไหน ทั้งฟูลเซอร์วิสและโลคอสต์แอร์ไลน์ บินตรงจากประเทศไทย สู่ไทเป วันละหลายเที่ยวบิน การเดินทางไปไต้หวันช่วงนี้ยิ่งง่าย เพราะทางการไต้หวันขยายระยะเวลาฟรีวีซ่าให้กับคนไทย คือใช้พาสปอร์ตเล่มเดียว ผ่าน ตม. ไต้หวัน แบบสบายๆ ผู้ถือพาสปอร์ตไทยสามารถเข้าไปเที่ยวในไต้หวันได้ 14 วัน
ที่เที่ยวในกรุงไทเป เมืองหลวงของไต้หวัน มีหลากหลายแนว สำหรับคนไปไต้หวันครั้งแรก เก็บที่เที่ยวในและรอบๆ ไทเป ก็จะได้ประสบการณ์แบบครบรส ถูกใจทุกสาย ทั้งสายธรรมชาติ สายกิน สายประวัติศาสตร์-วัฒนธรรม เรียกว่าครบ! สำหรับวันนี้จะขอแนะนำสถานที่น่าสนใจในไทเป ไปง่ายๆ มือใหม่ไปได้ชัวร์ๆ อีกข้อที่สำคัญคือ ราคาค่าครองชีพที่ไต้หวัน ไม่แพงมากเมื่อเทียบกับกรุงเทพ เรียกว่า เที่ยวได้แบบสบายกระเป๋า!
ที่ไต้หวัน ใช้สกุลเงิน ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ 1 ดอลลาร์ไต้หวัน จะเท่ากับประมาณ 1.10 บาท คนไทยสามารถแลกเงินมาก่อนได้ที่เมืองไทย ที่สนามบินก็มีร้านแลกเงินให้เลือกหลายร้าน ส่วนซิมการ์ด อาจซื้อจากที่ประเทศไทย หรือจะไปซื้อซิมการ์ดที่ไต้หวัน ที่สนามบินเถาหยวน ก็มีร้านขายซิมการ์ด ใช้เวลาไม่นาน
มาไต้หวัน ขึ้นชื่อเรื่องของกิน จะเรียกว่าเป็นสวรรค์นักกินก็ไม่ผิด โด่งดังทั้งอาหารภัตตาคารระดับมิชลิน ถึงสตรีทฟู้ดที่มีให้กินไม่ซ้ำ ไต้หวันถือดินแดนต้นกำเนิดชานมไข่มุก ใครมาต้องชิม เพราะมีให้ซื้อแทบทุกมุมถนน สำหรับตลาดกลางคืน หรือไนท์มาร์เก็ต มีอยู่ทั่วไทเป ทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่ ของกินสตรีทฟู้ดก็จะคล้ายๆ กัน ในทุกตลาด เช่น ตลาดซื่อต้า ตลาดซื่อหลิน ถ้าใครอยากไปตลาดเก่าแก่ แบบที่มีร้านค้าเยอะๆ ให้ไปที่ ตลาดกลางคืนเหราเหอ เป็นหนึ่งในตลาดไนท์มาร์เก็ตที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองไทเป
ที่นี่มีอาหารสตรีทฟู้ดสไตล์ไต้หวันแท้ๆ ให้ลองกิน ที่แนะนำว่าต้องกิน คือ ซี่โครงหมูตุ๋นยาจีน กับ เนื้อย่างไฟ หรือ เห็ดออรินจิ ย่าง ราดซอสฉ่ำๆ โรยด้วยเกลือและพริกไทย รับประทานร้อนๆ คือดี
นอกจากนี้ยังมีของขึ้นชื่ออย่าง เต้าหู้เหม็น ที่มีอยู่หลายร้าน เขาบอกว่า ใครมาถึงไต้หวันแล้วต้องลองกินสักครั้ง ส่วนร้านนั้น หาไม่ยาก เพราะกลิ่นเต้าหู้จะแรงมาก เดินผ่านต้องรู้แน่นอนว่าที่นี่ขายเต้าหู้เหม็น! เต้าหู้เหม็นแม้กลิ่นแรงแต่ใครได้ลองส่วนมากจะชอบกัน เต้าหู้เหม็นมีทั้งแบบทอดกับแบบนึ่ง คนไต้หวันแท้ๆ จะนิยมกินแบบนึ่งมากกว่า กินกับข้าวเขาบอกว่าอร่อยมาก!
นอกจากของกินแล้ว ที่ตลาดกลางคืนเหราเหอ ยังมีสินค้าอื่นๆ เช่น เสื้อผ้า รองเท้า ของใช้ ให้เลือกซื้อด้วย ตลอดความยาวตลาดกว่า 600 เมตร ซึ่งนอกจากนักท่องเที่ยวแล้ว คนท้องถิ่นยังนิยมมาเดินที่นี่กันเยอะเหมือนกัน ตลาดกลางคืนเหรอเหอ เปิดตั้งแต่ช่วงเย็นๆ ถึงเที่ยงคืนของทุกวัน การเดินทางก็สะดวก นั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานีซงซาน ออกทางออกที่ 1 ขึ้นมาก็เห็นตลาดกลางคืนเลย
(สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟในไทเปนั้นสะดวก ง่าย และครอบคลุมทั้งเมืองจริงๆ ขั้นตอนการซื้อบัตร ใครพูดภาษาอังกฤษ หรือภาษาจีนไม่ได้ ไม่ต้องกังวลเลย เพราะเครื่องขายตั๋วของรถไฟไทเป มีภาษาไทยด้วย กดไปกดมา นึกว่าอยู่กรุงเทพ เพราะง่ายมากจริงๆ)
ด้านหน้าเหราเหอไนท์มาร์เก็ต ใครสายบุญ อาจจะเผื่อเวลาแวะขอพรที่ วัดซงซานฉือโยว วัดเก่าแก่แห่งหนึ่งของไทเป ตั้งโดดเด่นประดับไฟสวยงามยามค่ำคืน สักการสถานแห่งนี้ สร้างขึ้นในปี 2296 เพื่อบูชา เทพม่าจ้อโป๋ เทพแห่งท้องทะเล เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของย่านนี้ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีนที่อลังการ ไม่น่าพลาดแวะชม
พูดถึงวัดที่ไทเป ไม่พูดถึง วัดหลงซาน ไม่ได้ ขอยกให้เป็นวัดอันดับ 1 ของคนไทยที่ไปเที่ยวไต้หวัน โดยเฉพาะสายมู ไม่พลาดอย่างแน่นอน วัดแห่งนี้ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2281 เป็นวัดที่สร้างขึ้นถวาย เจ้าแม่กวนอิม และเทพม่าจ้อโป๋ แต่ก็ไม่ได้มีแค่ 2 องค์ นี้เท่านั้น วัดหลงซาน ยังมีพระพุทธรูป และเทพจำนวนมาก ให้คนไปสักการะ
วัดแห่งนี้แม้จะเก่าแก่ แต่ถูกทำลายลงหลายครั้ง ทั้งจากภัยธรรมชาติ ไฟไหม้ แผ่นดินไหว และสงคราม ว่ากันว่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 วัดหลงซานได้รับความเสียหายจากการถูกทิ้งระเบิด แต่ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ องค์เจ้าแม่กวนอิม ที่ประดิษฐานในวัด ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่แห่งนี้ จะเห็นได้จากจำนวนของคนไต้หวัน ที่เดินทางมาสวดมนต์ ขอพร ที่วัดหลงซาน ไม่ขาดสายตลอดทั้งวัน
นอกจากเจ้าแม่กวนอิม แล้ว อีกหนึ่งไฮไลท์ของวัดหลงซาน คือ เทพเย่ว์เหล่า หรือ ผู้เฒ่าจันทรา เทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ของคนจีนที่ขึ้นเชื่อเรื่องการขอความรัก ตามตำนานเรื่องด้ายแดง ใครไปขอด้ายแดงจากท่าน ก็จะสมหวังในความรัก พบเนื้อคู่ ได้แฟนกลับไป ศาลของท่านเทพเย่ว์เหล่า ในวัดหลงซาน จะเป็นศาลที่คึกคักเป็นพิเศษ เพราะมีคนมาขอแฟนกับท่านเยอะมาก เรียกว่าเป็นเทพแห่งคนโสดที่แท้จริง
ก่อนออกจากวัด อย่าลืมแวะซื้อเครื่องรางของทางวัด ติดไม้ติดมือกลับบ้าน เครื่องรางที่นี่เขาว่าไม่ธรรมดา มีให้เลือกหลายแบบแล้วแต่เราต้องการขอโชคด้านไหน ทั้งการเรียน สุขภาพ การงาน ความรัก ใดๆ ก็ซื้อกลับมา การซื้อเครื่องรางที่นี่ง่ายมาก เพราะมีป้ายภาษาไทยบอกด้วยว่า ชิ้นไหน ช่วยเรื่องอะไร ไม่หยิบพลาดแน่นอน การเดินทางไป วัดหลงซาน นั่งรถไฟใต้ดินสายสีน้ำเงิน ไปลงสถานีหลงซาน ออกทางออกที่ 1 เดินอีกนิดก็ถึงวัด เปิดตั้งแต่ 06.00 – 22.00 น.
ออกจากวัด ไม่ไกล ไปเดินเล่นที่ย่านซีเหมินติง ย่านช็อปปิ้งของไทเป เป็นย่านวัยรุ่น ฟีลชิบูย่า หรือ ฮาราจูกุ ของโตเกียว คงเทียบได้กับ สยาม ของกรุงเทพ วัยรุ่นไทเปเดินกันขวักไขว่ ใครอยากมาช็อปเสื้อผ้า รองเท้า หรือจะมาหาอะไรรับประทาน ที่นี่ก็มีครบ ร้านบุฟเฟ่ต์หมาล่าหม้อไฟ เจ้าดังๆ ก็อยู่ที่นี่หลายร้าน ใครไม่ใช่สายซื้อ สายกิน มาที่นี่ยังมีสตรีทโชว์ของคนไต้หวัน ทั้งเต้น ทั้งร้อง ให้ชมกันเพลินๆ หลายจุด
ขอพื้นที่สำหรับ นักท่องเที่ยวสายประวัติศาสตร์ ต้องไปที่ พิพิธภัณท์พระราชวังแห่งชาติ สถานที่รวบรวมโบราณวัตถุล้ำค่า ของจักรพรรดิจีน ราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิง จากพระราชวังต้องห้ามในปักกิ่ง เกือบ 700,000 ชิ้น
นับเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีของจัดแสดงมากที่สุดในโลก พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์จีนอันยางนานหลายพันปี ของหลายชิ้นนับว่าประเมินค่าไม่ได้ ใครมาที่นี่อาจต้องเผื่อเวลาหลายชั่วโมง กว่าจะเดินชมครบทุกชั้น แต่รับรองเลยว่าใครที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ไม่ผิดหวังแน่ๆ
มาไทเปทั้งที ไม่ไปดูตึกไทเป 101 คงไม่ได้ จริงๆ ตึกนี้มองเห็นได้จากทุกจุดรอบกรุงไทเป เพราะมีความสูงถึง 508 เมตร ไทเป 101 เคยครองแชมป์เป็นอาคารที่สูงที่สุดในโลก ตั้งแต่ปี 2547 จนถูกตึกเบิร์จ คาลิฟา ในดูไบ ล้มแชมป์ลงเมื่อปี 2553 นี้เอง ใครอยากถ่ายรุปกับตึกนี้ มีหลายจุดในไทเป ที่มีมุมสวยๆ ให้เราได้เก็บรูปเป็นที่ระลึก แต่ถ้าใครอยากขึ้นไปชมบนยอดตึก ก็สามารถทำได้
ตึกไทเป 101 มีทั้งหมด 101 ชั้นตามชื่อตึก ใครอยากขึ้นมาชมวิวไทเปจากยอดตึก ต้องซื้อบัตรเข้าชม โดยจะสามารถขึ้นไปชมวิวในร่วมได้ที่ชั้น 89 และวันที่อากาศแจ่มใส สามารถเดินขึ้นไปชมวิวกลางแจ้งได้ที่ชั้น 91 จากจุดนี้จะเห็นวิวของกรุงไทเปทั้งเมือง เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ใครมาไทเปแล้วต้องขึ้นมาสักครั้ง
นี่เป็นแค่บางส่วน ในไทเป ของจริงยังมีอีกหลายที่รอคุณไปสำรวจด้วยตัวเอง ขอแถมอีกนิดว่าที่นี่เขาเวลคัมคนไทยสุดๆ คนไต้หวันส่วนมาก รู้จักเมืองไทย รู้จักอาหารไทย และเฟรนด์ลี่มากๆ เพราะฉะนั้น.. จองตั๋ว แล้วไปได้เลย!