ประเทศเยอรมนี มีเมืองท่องเที่ยวอันโด่งดังมากมาย แต่วันนี้เราจะพาไปเที่ยว กรุงบอนน์ (Bonn) เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไรน์ ห่างจากเมืองโคโลญจน์เพียง 25 กิโลเมตรเท่านั้น
ฟังชื่ออาจไม่คุ้นหูเท่าไหร่นัก แต่ถือว่ามีความสำคัญกับประเทศนี้มาก เพราะอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของเยอรมนีตะวันตก ตอนที่ยังไม่ได้รวมประเทศ ทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์การเมือง และการปกครองที่เก่าแก่มากมาย
อนุสาวรีย์ ลุดวิจ ฟาน บีโธเฟน
เราออกสตาร์ตด้วยการเดินสำรวจย่านเมืองเก่า บริเวณ ‘จัตุรัสมึนสเตอร์พลัตซ์’ ซึ่งเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ ลุดวิจ ฟาน บีโธเฟน คีตกวีชื่อก้องโลก บริเวณจัตุรัสมีการจัดสร้างซึ่งรูปปั้นทองสัมฤทธิ์บีโธเฟนยืน ในมือถือกระดาษและดินสอ ตั้งเด่นอยู่กลางเมืองบอนน์อันเป็นสถานที่เกิดของเขา ส่วนอาคารโบราณแสนสวยสีเหลืองด้านหลังอนุสาวรีย์ ปัจจุบันคือที่ทำการไปรษณีย์ของกรุงบอนน์ หากอยากสัมผัสชีวิตจริงๆ ของบีโธเฟนแบบใกล้ชิดกว่านี้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินต่อไปยังถนน Bonngasse สักพักจะเจอกับบ้านเลขที่ 20 ซึ่งเป็นบ้านเกิดของบีโธเฟน เป็นตึกโบราณ 3 ชั้นที่สร้างขึ้นในสไตล์บาโร้ก ทาสีเขียว ขลิบแดง รอให้แฟนเพลงได้เข้าไปเยี่ยมชม
ภายในบ้านมีการจัดแสดงผลงานและ ประวัติบีโธเฟนไว้มากมาย ที่เป็นไฮไลต์ คือ การจัดแสดงเปียโนหลังสุดท้าย และบทประพันธ์ต้นฉบับของ Moonlight Sonata เพลงดังอันดับต้นๆ ของศิลปินอัจฉริยะคนนี้
ถนนซากุระสีชมพู
สำหรับคนที่อยากมาซึมซับบรรยากาศ และบทเพลงของบีโธเฟนแบบเต็มคาราเบล แนะนำให้มาเที่ยวช่วงเดือนก.ย.-ต.ค. ของทุกปี เพราะเป็นช่วงที่เมืองบอนน์จะมีการจัดเทศกาลเพลงประจำปีของ บีโธเฟน
เมืองนี้ยังสร้างความประหลาดใจกับให้เรา เพราะที่นี่มีถนนซากุระสีชมพูด้วย ตั้งอยู่บริเวณย่านเมืองเก่าบนถนน Breite Strasse และ Heerstrasse เสียดายเรามาเที่ยวช่วงเดือนมี.ค. ซึ่ง เจ้าซากุระเพิ่งจะเริ่มผลิดอก ยังไม่บานอวดโฉมเต็มที่ หากอยากมาชมอุโมงค์ซากุระอันโด่งดังของเมืองนี้ต้องมาเยือนช่วงเดือนเม.ย. รับรองได้ถ่ายรูปสวยๆ แบบรัวๆ แน่นอน
บ้านเกิดของบีโธเฟน
บริเวณจัตุรัสมึนสเตอร์พลัตซ์ ยังเป็นสถานที่ตั้งของ ‘มหาวิหารบอนน์มินสเตอร์’ โบสถ์คาทอลิกขนาดใหญ่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของเยอรมนีที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11 ตั้งตระหง่านอวดโฉมอยู่กลางเมือง สวยงามสะดุดตาด้วย 5 หอคอยยอดแหลมที่มองเห็นเด่นชัดมาแต่ไกล ด้วยความสูงกว่า 81 เมตร ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์
ในอดีตโบสถ์แห่งนี้มีความสำคัญมาก เพราะเคยเป็นอาสนวิหารสำหรับอัครสังฆราชแห่งโคโลญจน์ และยังเป็นโบสถ์ที่พ่อของบีโธเฟนเคยมาเล่นออร์แกนเป็นประจำอีกด้วย
ย่านเมืองเก่าอีกแห่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดชมคือ ‘จัตุรัสตลาด’ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ‘ศาลาว่าการเมืองหลังเก่า’ (Altes Rathaus) ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 เป็นอาคารสไตล์รอโคโค่ สถาปัตยกรรมที่สวยงามแปลกตา สีชมพูตัดกับสีทอง ปัจจุบันยังคงเป็นสถานที่ทํางานของคณะนายกเทศมนตรีเมืองบอนน์
วันที่เราไปเที่ยวชมจัตุรัสมีความคึกคักมากเป็นพิเศษ เพราะมีการเปิดเป็นตลาดนัดให้คนท้องถิ่นนำสินค้ามาวางขาย หลากหลาย มีทั้ง พืชผัก ผลไม้ ดอกไม้ รวมถึงฟู้ดทรักขายอาหารและเครื่องดื่ม ที่เตรียมพร้อมไว้รองรับนักท่องเที่ยวต่างถิ่นให้ได้ลองลิ้มชิมรสอาหารพื้นถิ่นที่นี่อีกด้วย
คนท้องถิ่นนำสินค้าวางขายที่จัตุรัสตลาด
มาถึงที่นี่แล้วอย่าลืมเดินแวะไปถ่ายรูปและเที่ยวชม ‘มหาวิทยาลัยบอนน์’ สถาบันการศึกษาชั้นสูงเก่าแก่กว่า 200 ปี ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเยอรมนี และยุโรปตัวอาคารมหาวิทยาลัย สีเหลือง-เทา ทอดยาวอยู่กลางเมืองนั้นสวยงามมาก เพราะอดีตเคยเป็นวังเก่า
ไกด์คนไทยที่ดูแลคณะของเราเล่าให้ฟังว่าเขาเรียนอยู่ที่นี่ และที่นี่ยังมีศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงระดับโลกมากมายไม่ว่าจะเป็น พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16, บีโธเฟน และ คาร์ล มาร์กซ์ นักปรัชญาชื่อดัง
มหาวิหารบอนน์มินสเตอร์
สำหรับสายช็อปสามารถเดินไปละลายทรัพย์แบบชิลชิลได้ที่ ‘Bonn-Zentrum yn’ ย่านถนนคนเดินอันคึกคักที่คลาคล่ำไปด้วยร้านค้าสินค้าแบรนด์เนม ร้านอาหาร และคาเฟ่สวยๆ มากมาย
ละลายทรัพย์แบบชิลชิลได้ที่ Bonn-Zentrum yn
ส่วนของฝากที่ขึ้นหน้าขึ้นตาของเมืองนี้ คือ ‘ขนมเยลลี่รูปหมี’ Haribo ที่คุ้นหน้าคุ้นตาพวกเรามาตั้งแต่วัยเด็ก เพราะเจ้าหมีมีบ้านเกิดอยู่ที่เมืองบอนน์ ไกด์พยายามพูดสะกดจิตใส่หูตลอดเวลาว่าถ้าไม่ซื้อ หามาชิม หรือซื้อเป็นของฝาก ก็เหมือนมาไม่ถึงกรุงบอนน์ สุดท้ายพวกเราก็หอบหิ้วเจ้าหมีกลับบ้านกันคนละถุงสองถุงจนได้
ร้าน Haribo ขนมเยลลี่รูปหมี
ไกด์เล่าประวัติเจ้าเยลลี่หมีน้อยชื่อดังให้ฟังว่าถูกผลิตขึ้นครั้งแรกเมื่อ ค.ส.1922 โดยนายฮันส์ รีเกิล ซีเนียร์ อดีตคนปรุง ลูกกวาดแห่งเมืองบอนน์ ด้วยความที่สมัยก่อนคนนิยมดูละครสัตว์มาก ซึ่งมักจะมีเจ้าหมีเป็นดาราดาวเด่นเสมอๆ ทำให้ฮันส์ปิ๊งไอเดียผลิตเยลลี่เป็นรูปหมีน้อย หลากหลายสี หลายรสชาติออกมาวางขาย จนได้รับความนิยมแพร่หลาย
ช่วงแรกผลิตเป็นตัวหมีขนาดใหญ่ แบ่งขายเป็นตัวๆ แต่ภายหลังผลิตเป็นหมีตัวเล็กๆ ขายเป็นถุง เพื่อความสะดวกในการกิน
ห้องโถงรับแขกในปราสาทดราเคินบูร์ก
ความลับที่ทำให้ haribo ครองใจคนทั่วโลก มายาวนานกว่า 100 ปี คือกินแล้ว ไม่อ้วน เพราะทำมาจากวุ้นเจลาติน ไม่มีไขมันเป็นส่วนผสม ให้แคลอรีต่ำ แถมยังเคี้ยวสนุก หนึบๆ ช่วยคลายเครียดได้ โดยปัจจุบัน Haribo มีฐานการผลิตใน 10 ประเทศทั่วโลก มีโรงงานทั่วยุโรป 16 แห่ง ส่งออกไปขายกว่า 100 ประเทศ สร้างรายได้เข้าประเทศได้เป็นกอบเป็นกำ
เที่ยวในเมืองแล้ว เราเลยนั่งรถออกไปเที่ยวแนวธรรมชาติบ้าง ปักหมุดที่ ‘ปราสาทดราเคินบูร์ก’ หรือปราสาทมังกร ตั้งอยู่เนินเขาที่ Drachenfels (Dragon Rocks) หรืออีกชื่อคือ เขามังกร เพราะมีเรื่องเล่าว่าถ้ำบนเนินเขานี้เคยเป็นที่อยู่ของมังกรตัวหนึ่ง
รถรางขึ้นปราสาทดราเคินบูร์ก
การเดินทางขึ้นไปยังปราสาทนั้นสามารถเดิน หรือนั่งรถรางก็ได้ แต่เราเลือกนั่งรถรางขึ้นไป ระยะทางราว 1.5 ก.ม.ใช้เวลาแค่ 15 นาทีก็มาถึงทางเข้าปราสาท
สำหรับปราสาทสีมชมพูอันงดงามแห่งนี้มีความน่าสนใจไม่น้อย หลังจากเรารู้ว่าอดีตเป็นปราสาทส่วนตัวของนายธนาคารผู้ร่ำรวยประจำเมือง ที่มีชื่อว่า ‘สตีเฟ่น ซาร์เตอร์’ เขาตั้งใจสร้างปราสาทแห่งนี้ให้เป็นคฤหาสน์ส่วนตัวอันหรูหรา โดยสร้างเลียนแบบสถาปัตยกรรมแบบพระราชฐาน ที่น่าประหลาดใจคือใช้เวลาในการเนรมิตเจ้าปราสาทหลังงามนี้เพียง 2 ปีเท่านั้นก็แล้วเสร็จได้ในปี ค.ศ.1884
มหาวิทยาลัยบอนน์
ภายในตัวปราสาทมีการออกแบบตกแต่งสวยงามอย่างกับวัง มีห้องโถงรับแขกประตูโค้งสูงสวยอลัง ประดับประดาด้วยกระจกสีสวยงามคล้ายในโบสถ์ มีห้องทำงาน ห้องทานข้าว ห้องใต้ดิน อันหรูหราของเจ้าของบ้านให้เราเข้าไปเยี่ยมชม รวมทั้งยังมีภาพวัด งานแกะสลักอันล้ำค่ามาจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันอย่างเพลินตาอีกด้วย
บริเวณรอบปราสาท โดยเฉพาะตรงเฉียงขนาดใหญ่ด้านบนถือเป็นจุดชมวิวที่เลิศเลอเพอร์เฟ็กต์เป็นที่สุด เพราะสามารถมองเห็นบ้านเมืองด้านล่างที่ตั้งเรียงรายอยู่บนแม่น้ำไรน์ ได้แบบ 360 องศา แถมยังมีร้านอาหารเล็กๆ บนนี้ ให้นักท่องเที่ยวได้มานั่ง ชิลกินข้าว กินกาแฟ ดื่มด่ำกับบรรยากาศปราสาทราชวังอันหรูหราแบบชิลชิล ส่วนด้านนอกรอบๆ ตัวปราสาทมีการออกแบบตกแต่งจัดเป็นสวนดอกไม้สวยๆ ให้ชมด้วย
สวนดอกไม้สวยๆ รอบปราสาท
ปัจจุบันปราสาทแห่งนี้ ได้รับการคุ้มครองและตกเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลิน ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของบอนน์
ดื่มด่ำบรรยากาศปราสาทอันหรูหราแบบชิลชิล
มาเที่ยวบอนน์ครั้งนี้ ได้รับประสบการณ์ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ครบรส ถือเป็นอีกเมืองหนึ่งที่สวยงาม และน่าสนใจ
ใครที่ชื่นชอบประเทศเยอรมนีอยู่แล้ว บอกเลยไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
มยุรี นวมมี
