แฟ้มคดี : พลิกคดีช็อก‘แม่ปุ๊ก’ วางยาลูกดับ1สาหัส1 ลวงเงินบริจาค20ล้าน สลดลงมือถึงในรพ.

พลิกคดีช็อก‘แม่ปุ๊ก’ วางยาลูกดับ1สาหัส1 : คิดว่าเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในนิยายผ่านโลกแห่งจินตนาการไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดขึ้นจริง
สำหรับคดี ‘แม่ปุ๊ก’ ที่วางยาลูกเลี้ยงพร้อมลูกในไส้
จนเสียชีวิตและอาการสาหัส เพียงเพราะหวังลวงขายสินค้า และเงินบริจาค จนมีเงินสะพัดเกือบ 20 ล้านบาท
เกือบจะลอยนวลใช้ชีวิตเสพสุข แต่ด้วยโรงพยาบาลที่รักษาเด็กเห็นความผิดปกติ
จึงแจ้งให้ตำรวจกองปราบฯ เข้าสืบสวนสอบสวน
เรื่องก็มาปรากฏข้อเท็จจริง ว่าแท้จริงนั้นเป็นการวางแผนลงมืออย่างโหดเหี้ยมของคนที่อ้างตัวเป็นแม่ วางยาเลี้ยงไข้ลูกทั้งสองมาตลอดเวลา
จนสุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จับกุมดำเนินคดี พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อคลี่ข้อสงสัยของสังคม
ว่าทำไมถึงวางแผนลงมือได้ถึงเพียงนี้

พลิกคดีช็อก‘แม่ปุ๊ก’ วางยาลูกดับ1สาหัส1

หมอแถลงอาการเด็ก

ล็อก‘แม่ปุ๊ก’วางยาลูก
เรื่องสลดราวกับนิยายครั้งนี้ปรากฏขึ้นเป็นที่รับรู้เมื่อวันที่ 22 พ.ค. โดยพ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุมน.ส.นิษฐา วงวาล หรือที่รู้จักกันว่า ‘แม่ปุ๊ก’ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 675/2563 ลงวันที่ 18 พ.ค. 2563 ในข้อหารับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น และฉ้อโกงประชาชน โดยจับกุมได้ที่บ้านพักย่านแขวงสีกัน ดอนเมือง
ทั้งนี้ พบว่าผู้ต้องหาหรือแม่ปุ๊ก รับดูแลลูกบุญธรรม 1 คน เป็นเด็กหญิง อายุ 4 ขวบ ชื่อน้องอมยิ้ม และมีลูกแท้ๆ อีก 1 คน ชื่อน้องอิ่มบุญ เป็นเด็กชาย อายุ 3 ขวบ โดยมีพฤติการณ์ฉ้อโกงประชาชนด้วยการโพสต์รูป คลิป ข้อความในโซเชี่ยลมีเดีย ระบุว่าลูกทั้ง 2 ป่วยเป็นโรคหายาก จึงขอรับบริจาคเงิน และหลอกขายสินค้า อาทิ หน้ากากอนามัย อ้างว่าหาเงินไปรักษาลูก
มีผู้หลงเชื่อซื้อสินค้า จ่ายเงินค่าสินค้า และบริจาคช่วยเหลือกว่า 3 พันราย พบการโอนเงินกว่า 8 พันครั้ง รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
จนกระทั่งมีผู้พบพิรุธนำเรื่องร้องเรียนกับกองปราบปราม เจ้าหน้าที่จึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบสวนหาข้อเท็จจริง กระทั่งพบความผิดปกติในคดีหลายอย่าง ทั้งอาการป่วยประหลาดของน้องอิ่มบุญ ที่มีอาการอาเจียนเป็นเลือด ตัวบวม เดินไม่ได้ รักษาตัวที่ร.พ.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
ซึ่งแพทย์ระบุว่าตรวจพบสารเคมีออกฤทธิ์เป็นกรด คล้ายส่วนผสมของน้ำยาล้างห้องน้ำ หรือน้ำยาซักฟอก

พลิกคดีช็อก‘แม่ปุ๊ก’ วางยาลูกดับ1สาหัส1

โพสต์โซเชียลรับบริจาค

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อตรวจสอบลึกลงไปพบว่าเมื่อปี 2562 ลูกบุญธรรมของน.ส.นิษฐาก็ป่วยเป็นโรคประหลาดแบบเดียวกัน และทั้งที่บอกว่าเป็นโรคหายาก แต่กลับเกิดขึ้นกับพี่น้องในลักษณะเดียวกัน จึงเชื่อว่าอาการป่วยของเด็กทั้งสองน่าจะมีความเกี่ยวพันกัน และเกิดจากฝีมือผู้ต้องหาเอง เพื่อหวังเงินบริจาค จึงรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับ
ทั้งนี้ จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพในข้อหาฉ้อโกงประชาชนจริง แต่ปฏิเสธว่าวางยาเด็กทั้งสองจนป่วยหนักและเสียชีวิตไป 1 ราย
เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวส่งฝากขังต่อศาล
โพสต์โซเชี่ยลหาเงินบริจาค
ทั้งนี้ คำร้องที่ขอฝากขังต่อศาลระบุพฤติการณ์ของน.ส.นิษฐา ว่าเริ่มก่อเหตุตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย. 2558 โดยนำเด็กส่งรักษาตัวที่ร.พ.นครสวรรค์ประชารักษ์ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ 20 ธ.ค. 2561-12 ส.ค. 2562 กรณีน้องอมยิ้ม และยังก่อเหตุต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันในกรณีน้องอิ่มบุญ
โดยวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา น.ส.เอ (นามสมมติ) แม่แท้ๆ ของน้องอมยิ้ม มาแจ้งความกองปราบฯ ระบุว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย.2558 ผู้ต้องหาหลอกจะขอรับอุปการะเลี้ยงดูลูกที่กำลังตั้งครรภ์ อ้างว่าเป็นเภสัชกร มีฐานะดี จึงหลงเชื่อ โดยผู้ต้องหามารับเด็กไป จากร.พ.นครสวรรค์ประชารักษ์
ต่อมาผู้ต้องหาอ้างว่าน้องอมยิ้มป่วย ต้องทำประกันสุขภาพ จึงลวงให้น.ส.เอเปิดบัญชีธนาคารทหารไทย 1 บัญชี และน.ส.นิษฐาเปิดอีก 2 บัญชี แล้วใช้แสวงหาประโยชน์ อ้างว่าน้องอมยิ้มป่วยเป็นโรค ‘เรนินโนม่าห์’ โฆษณารับบริจาคเงิน จนมีผู้หลงเชื่อหลายราย
จากนั้นน.ส.นิษฐาแจ้งน.ส.เอ ว่าน้องอมยิ้มป่วยหนัก อยู่ร.พ.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และเสียชีวิตในวันที่ 12 ส.ค.2562 แต่ห้ามไม่ให้น.ส.เอมางานศพลูก อ้างว่าหน้าเหมือนน้องอมยิ้ม หากเห็นแล้วจะคิดถึง จนน.ส.เอหลงเชื่อ ไม่ไปร่วมงานศพ
นอกจากนี้ยังพบว่าน้องอิ่มบุญ ซึ่งเป็นลูกของน.ส.นิษฐา ก็ป่วยลักษณะเดียวกัน และมีการโพสต์รับบริจาค และหลอกลวงขายสินค้าจนมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 20 ล้านบาทในช่วงเวลา 2 ปี โดยน.ส.นิษฐาเอาไปใช้ประโยชน์ทั้งหมด
ทั้งนี้ ได้ข้อมูลจากแพทย์พบว่าเด็กทั้งคู่ได้รับสารพิษประเภทสารกัดกร่อน คล้ายผู้ป่วยที่ดื่มสารพิษประเภทน้ำยาล้างห้องน้ำไฮเตอร์ เพื่อฆ่าตัวตาย ทุกครั้งที่เด็กเจ็บปวดทุกข์ทรมาน น.ส.นิษฐาจะถ่ายรูป ถ่ายทอดสด เพื่อนำไปโฆษณาแสวงหาประโยชน์รับเงินบริจาคจากผู้มีจิตเมตตาทุกครั้ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับ และควบคุมตัวฝากขัง
นอกจากนี้ยังขอให้ส่งตัวน.ส.นิษฐาตรวจสุขภาพจิตโดยละเอียด เพื่อนำไปประกอบในสำนวน
เงินร่วม 20 ล้านเหลือหลักร้อย
ขณะที่ความคืบหน้าของคดีนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งตรวจสอบขวดยาพลาสติก 15 ขวด ที่พบในบ้านพักของน.ส.นิษฐา เพื่อหาดีเอ็นเอและลายนิ้วมือว่าใครเป็นผู้จับต้อง หรือสัมผัสขวดยาบ้าง หรือนำไปใช้ให้เด็กกินหรือไม่ ซึ่งลักษณะของขวดยาเขียนชื่อน้องอิ่มบุญกำกับไว้ รวมทั้งตรวจสอบว่ายาในขวดกับสลากนั้นถูกต้องตรงกันหรือไม่
ขณะที่การตรวจดีเอ็นเอพบว่าน.ส.นิษฐาเป็นแม่ที่แท้จริงของน้องอิ่มบุญ วัย 2 ขวบ
พร้อมกันนั้นเจ้าหน้าที่ได้เชิญพ่อแม่ของน.ส.นิษฐา มาสอบสวนถึงวิธีเลี้ยงดูเด็กของน.ส.นิษฐาว่าเป็นอย่างไรบ้าง
นอกจากนี้ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของน.ส.นิษฐา ซึ่งพบว่าตั้งแต่ปี 2561-2563 ที่เปิดบัญชีธนาคาร เพื่อใช้สำหรับรับโอนเงินค่าสินค้าและเงินบริจาค พบหลักฐานการถอนเงินสดสำหรับค่าใช้จ่าย และค่าบริการต่างๆ ในชีวิตประจำวัน รวมแล้วกว่า 1 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินโอนเข้านับหมื่นรายการ และโอนออกอีก 4,000-5,000 รายการ
นอกจากนี้ยังมีสลิปการถอนเงินออกไปใช้เป็นจำนวนมาก รวม 4 แสนบาท หลังจากนี้จะมีการตรวจสอบให้แน่ชัดว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดนั้นสอดคล้องกับเงินค่ารักษาพยาบาลเด็กทั้ง 2 คนด้วยหรือไม่ เพราะพบว่าเงินสดบางส่วนที่ถูกถอนออกมาก็มีการนำไปใช้เป็นค่ารักษาพยาบาลจริง แต่ก็มีบางส่วนที่ผู้ต้องหาชำระค่ารักษาพยาบาลโดยที่ไม่ใช้เงินสดอีกด้วย
ขณะที่เงินหมุนเวียนรวมกันแล้วกว่า 15 ล้านบาท ทั้งหมดเป็นยอดเงินที่ได้มาจากการรับบริจาค เพื่อรักษาอาการป่วยของน้องอมยิ้มและน้องอิ่มบุญ กับเงินจากขายสินค้าต่างๆ แต่ปรากฏว่าภายหลังตำรวจได้อายัดบัญชี กลับพบมียอดคงเหลืออยู่ในบัญชีเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น จึงต้องตรวจสอบว่าเงินเหล่านี้ถูกยักย้ายถ่ายเทไปที่บัญชีใครบ้าง หรือถูกโอนไปเข้าบัญชีพ่อและแม่ของตัวเองหรือไม่

พลิกคดีช็อก‘แม่ปุ๊ก’ วางยาลูกดับ1สาหัส1

พยานให้การ

หมอระบุวางยาในร.พ.
ส่วนเรื่องของเด็กทั้งสอง รศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม ผอ.ร.พ.ธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ แถลงอาการน้องอมยิ้มและน้องอิ่มบุญ ระบุว่า กรณีน้องอิ่มบุญ มารักษาตัววันที่ 13-23 ม.ค. 2563 ด้วยอาการอาเจียนเป็นเลือด น.ส.นิษฐาอ้างว่าเกิดอาการหลังกินปลาหมึกย่าง
แพทย์ส่องกล่องพบการอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหาร รักษาจนดีขึ้น กระทั่งวันที่ 23 ม.ค. มีอาการทรุดแบบเดิม พบมีแผลอักเสบรุนแรงที่กระเพาะอาหาร จึงเริ่มสงสัยว่าได้รับสารกัดกร่อน
จนต้นเม.ย. น้องอาการดีขึ้น ออกจากไอซียู มีบุคคลภายนอกและญาติเข้าเยี่ยมได้ แต่พอออกจากไอซียู พบอาการทรุดและดีสลับกัน แพทย์เริ่มสงสัยอาการไม่สอดคล้องกับการรักษา เนื่องจากหากเกิดจากอาการแพ้อาหารเมื่อไม่ได้รับเชื้ออาการน่าจะทุเลาและหายไป แต่กับเด็กทั้งสองแม้ไม่ได้รับอาหารแต่อาการยังทรุดอยู่ จึงคาดว่าได้รับสารกัดกร่อน จากระบบทางเดินอาหาร ตั้งแต่ปากไปจนถึงกระเพาะอาหาร
จึงจำกัดการเข้าเยี่ยม ไม่อนุญาตเอาอาหารมาเข้าเยี่ยม และเวลาแม่ของเด็กเยี่ยมซึ่งปกติจะเป็นคนป้อนอาหารให้น้องทุกครั้ง จะมีแพทย์อยู่ตลอดเวลา
กระทั่งวันที่ 14 พ.ค. น้องอิ่มบุญอาการดีขึ้น กำลังจะเตรียมตัวกลับ แต่ทีมแพทย์พยายามประวิงเวลา เพื่อประสานกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อให้มารับตัวน้องในวันที่ 18 พ.ค.
ซึ่งอาการของน้องอิ่มบุญหลังจากออกโรงพยาบาลก็มีภาวะแทรกซ่อน มีรอยผนังทะลุข้างลำคอ ทำให้เสียงแหบ เหนื่อยง่ายเวลาเล่น เพราะปอดอักเสบ
ส่วนน้องอมยิ้ม รักษาตัวตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 61-12 ส.ค.62 โดยมีอาการเลือดออกในทางเดินอาหาร พบอักเสบตามเยื่อบุต่างๆ ซ้ำไปมา เสียชีวิตเพราะตับและไตวาย และโรคแทรกซ้อน เข้าออกโรงพยาบาล 7 ครั้ง
ทั้งนี้ เด็กทั้งคู่เข้ารักษาตามสิทธิ์ของ สปสช. กองทุนช่วยเหลือผู้ป่วยเด็ก และกองทุนสังคมสงเคราะห์ของร.พ.ธรรมศาสตร์ ค่าใช้จ่ายน้องอมยิ้มอยู่ที่เกือบ 5 แสนบาท น้องอิ่มบุญอยู่ที่เกือบ 2 แสนบาท แต่มีส่วนต่างที่ต้องจ่ายจริงหลักพันบาทเท่านั้น
ถือเป็นการกระทำที่ช็อกสังคมจริงๆ!!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน