วันที่ 17 พ.ค. เว็บไซต์ไลฟ์ของรัสเซียรายงานว่า เกิดเหตุหนุ่มวัย 14 ปี ฆ่าแม่เลี้ยงวัย 54 ปี และยายเลี้ยงวัย 81 ที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบาะ แล้วนำศพทั้งคู่ไปเก็บไว้ที่ห้องใต้ดินของบ้านในหมู่บ้านซาจีโน แคว้นตเวียร์ ประเทศรัสเซีย
วัยรุ่นลงมือสังหารยายเลี้ยงก่อน ช่วงเช้าวันเกิดเหตุ เมื่อแม่เลี้ยงออกไปทำงาน วัยรุ่นและยายเลี้ยงก็มีปากเสียงกัน วัยรุ่นจึงใช้ขวานจามศีรษะยายเลี้ยงหลายครั้ง แล้วใช้มีดแทงอีกจนเสียชีวิตแล้วนำร่างยายเลี้ยงไปเก็บไว้ที่ห้องใต้ดิน ตกเย็นวันเดียวกัน แม่เลี้ยงกลับจากทำงาน วัยรุ่นก็ใช้มีดแทงเสียชีวิตแล้วนำศพแม่เลี้ยงไปเก็บไว้ที่ห้องใต้ดิน
ศพทั้งคู่ถูกพบหลังเหตุผ่านไปแล้ว 10 วัน หลังจากสามีเก่าของแม่เลี้ยงโทร.แจ้งตำรวจ เนื่องจากติดต่อแม่เลี้ยงของวัยรุ่นไม่ได้ จึงเกิดความกังวล ทั้งนี้ มีรายงานว่า สามีเก่ากับแม่เลี้ยงหย่าร้างกันมา 1 ปีแล้ว แต่ยังมีการติดต่อกันสม่ำเสมอ
ตำรวจพบร่างผู้หญิง 2 ศพ สภาพเป็นแผลขาดวิ่น ในห้องใต้ดินของบ้านที่เกิดเหตุ ศพยายเลี้ยง ศีรษะแตก พบแผลลึกบริเวณทรวงอกและลำคอ ส่วนแม่เลี้ยง พบแผลบริเวณทรวงอก ลำคอ และช่องท้อง และจับกุมตัวหนุ่มวัย 14 ปี เอาไว้
หนังสือพิมพ์คอมโซมอลสกายา ปราฟดา ของรัสเซียรายงานว่า 6 เดือนก่อนเกิดเหตุ หนุ่มวัย 14 รู้ความจริงว่า ตัวเองไม่ลูกและหลานแท้ๆ ของแม่เลี้ยง และยายเลี้ยง แต่ยังเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน และไม่มีการระบุไว้เป็นประเด็นของการก่อเหตุในสำนวนการสอบสวน
ขณะที่แหล่งข่าวใกล้ชิดระบุว่า เหตุเกิดวันที่ 6 พ.ค. หนุ่มวัย 14 เพิ่งทะเลาะกับยายเลี้ยงว่า “อย่ามาเลี้ยงดูผมเลย คุณไม่ใช่ครอบครัวผม” ส่วนแม่เลี้ยงกลับมาบ้านพร้อมกับน้องสาววัย 13 ปี ของหนุ่มวัย 14 ปี โดยหนุ่มวัย 14 ปี ฆ่าแม่เลี้ยงต่อหน้าน้องสาวด้วย
สื่อตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมน้องสาวของผู้ก่อเหตุไม่แจ้งความ เป็นไปได้ว่าเพราะกลัว หรือเข้าข้างพี่ชาย ทว่าตำรวจไม่ได้ควบคุมตัวน้องสาวไปสอบปากคำ
ทั้งนี้ ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดี ส่วนแม่เลี้ยง และยายเลี้ยง คอยเลี้ยงดูเด็กที่ไม่ใช่ลูกหลานในไส้ทั้ง 2 คน มาตั้งแต่แบเบาะ
