โรคแปลก! 4 พี่น้องมือเท้าแข็งเป็นหิน ใส่รองเท้าไม่ได้ ต้องเดินเท้าเปล่าตลอดสามปี
สตอรี่เทรนเดอร์ รายงานว่า นาเซอร์ บาตตี วัย 50 และ อบิดา อาลี วัย 48 พ่อแม่ของเด็กเจ็ดคนในแคว้นสินธ์ ประเทศปากีสถาน วิตกกังวลกับอนาคตของลูกๆ ของพวกเขา เนื่องจากป่วยเป็น โรคประหลาด คือโรคผิวหนังชนิดหายาก ส่งผลให้มือและเท้าของเด็กๆ มีผิวที่แข็งเหมือนหิน
โดยเด็กที่ป่วยคือ ฮาบีบุลลาฮ์ บาตตี อายุ 19 ปี, เมฮ์รุนิซาฮ์ บาตตี อายุ 15 ปี, นาเซบุลลาฮ์ บาตตี อายุ10 ปี และไครูนิซาฮ์ บาตตี อายุ 6 ปี ทั้งหมดป่วยจากโรคดังกล่าวมาตั้งแต่สามปีที่แล้ว อาการของโรคส่งผลให้มือและเท้าของพวกเขาแข็งเหมือนกับหิน และไม่สามารถใส่รองเท้าแตะหรือรองเท้าได้
นาเซอร์ พ่อของพวกเขา อธิบายว่า “เมื่อสามปีก่อน ลูกสาวคนเล็กของผม ไครูนิซาฮ์ มีอาการของโรคแปลกๆ นี้ ผิวหนังที่เท้าของเธอหนาขึ้นและเริ่มหนาจนเหมือนหินในไม่กี่เดือน เราพาเธอไปหาหมอผีท้องถิ่นที่ช่วยนำดินเหนียวแปะลงบนเท้าเธอ แต่หกเดือนต่อมา ลูกอีกสามคนของผมก็มีอาการของโรคเดียวกัน ผิวหนังหนาขึ้นทั้งมือและเท้า”
นาเซอร์และอบิดาส่งลูกสาวของเขาไปที่บ้านของคุณยาย เด็กๆ ทั้งสามคนต้องเดินด้วยเท้าเปล่าแม้แต่ตอนหน้าหนาวที่อุณหภูมิเพียง 3 องศาสเซลเซียส
“พวกเขาไม่สามารถใส่ถุงเท้าหรือรองเท้าได้ มันยากมากสำหรับพวกเขาทั้งในฤดูร้อนและฤดูหนาวที่ต้องเดินด้วยเท้าเปล่า บางครั้งพวกเขาก็รู้สึกเจ็บ จนผมและภรรยาต้องนำน้ำล้างเท้าให้พวกเขาเพื่อทำให้ผิวหนังของพวกเขานุ่มขึ้น”
นาเซอร์กล่าวว่าพวกเขาได้นำเด็กๆ ไปพบแพทย์หลายคน แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะสามารถช่วยรักษาอาการนี้ได้
“พวกเรากังวลกับอนาคตของพวกเขา ถ้าเขาไม่สามารถไปโรงเรียน หรือทำงานได้”
นาเซอร์ทำงานเป็นเชฟในร้านอาหารเล็กๆ และได้เงินประมาณ 3 ยูโร หรือ 110 บาทต่อวัน เขากล่าวว่าเขาไม่มีเงินมากพอที่จะพาลูกไปโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้ในเมืองคาราจีซึ่งเป็นเมืองหลวงของปากีสถาน
อย่างไรก็ตาม ฟีดา ฮุสซีน มัสตอย ตำรวจเมืองคาราจีได้ตัดสินใจจะช่วยนาเซอร์ หลังจากอาสาท้องถิ่นได้แชร์ภาพของเด็กๆ ที่ป่วยเป็นโรคผิวหนังลงในว้อทส์แอพ ตำรวจกล่าวว่าหลังจากเห็นอาการของเด็กๆ จึงได้ติดต่อหมอเฉพาะทางด้านผิวหนังที่โรงพยาบาลในเมืองคาราจีแล้ว
“ตอนที่ผมเห็นภาพของเด็กๆ ที่น่าสงสารเหล่านี้ ผมรู้สึกแย่และคิดว่าพวกเขาต้องเผชิญกับอะไรบ้างตลอดหลายปีที่ผ่านมา”
“ผมได้นำภาพพวกนี้ให้หมอผิวหนังเฉพาะทางในโรงพยาบาลเมืองคาราจีดู และเขาเชื่อว่าอาการนี้เป็นโรค เอพิเดอร์โมไลติก ไฮเปอร์คีราโตซิส (Epidermolytic Hyperkeratosis) ผมได้นัดเวลาตรวจของหมอให้พวกเด็กๆ แล้ว และหวังว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นโดยเร็ว”