ยุติธรรม ต้องทวงคืน เหยื่อสาวกัดฟันสู้คดี 1 ปี เอาคืนคนทำผิด

เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. เว็บไซต์ข่าว มิร์เรอร์ รายงานว่า นางสาววาสิลิซ่า โคมาโรว่า อายุ 37 ปี ชาวอังกฤษ ต่อสู้เพื่อความ ยุติธรรม นานถึง 1 ปี ที่ประเทศโบลิเวีย หลังจากเธอถูกรุมข่มขืนโดยกลุ่มอันธพาล ตอนแรกนั้นเธอไปตั้งแคมป์ แล้วถูกคนร้ายลากมาทำร้าย แล้วถูกปล้นกับข่มขืน โดยเธอถูกปล่อยให้นอนตายอยู่คนเดียว เธอต่อสู้ให้คนร้ายถูกลงโทษ แม้ว่าต้องเผชิญปัญหาตลอด 1 ปี

ต่อมา นางสาววาสิลิซ่าขอความช่วยเหลือจากกงสุลอังกฤษ เพื่อให้เธอต่อสู้กับระบบที่โหดร้ายและไม่โปร่งใส จนทำให้เมื่อเดือนพ.ค. ผู้ทำร้ายเธอถูกจำคุกในที่สุด นางสาววาสิลิซ่าตัดสินใจเผยเรื่องราวของเธอ โดยเธอหวังว่าชัยชนะครั้งนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้เหยื่อของความรุนแรงทางเพศกล้าที่จะออกมาทวงความ ยุติธรรม เพื่อตัวเอง

นางสาววาสิลิซ่าให้สัมภาษณ์ว่า “เพราะผู้ชายพวกนั้น ฉันเลยเข้าใจว่าข่มขืนมันเป็นยังไง มันเหมือนว่าจะไม่ได้เห็นดวงอาทิตย์ขึ้นอีก ไม่มีใครเชื่อว่าฉันจะชนะคดีได้ ตอนที่ขึ้นศาล คนที่ทำร้ายฉัน หัวเราะเยาะใส่ตลอดเวลา พวกเขาไม่กล้าจะสบตาฉัน ฉันอยากจะแผดเผามันด้วยตาของฉัน แล้วฉันต้องชี้ว่าแต่ละคนทำอะไรกับฉันไว้บ้าง ฉันไม่เห็นว่ามีใครรู้สึกผิดเลย เหมือนว่าฉันไม่ใช่คนๆหนึ่ง”

นางสาววาสิลิซ่าเล่าต่อว่า “พวกทำแบบนี้ไม่ได้หรอก อย่างน้อยหนึ่งปีที่ฉันอุทิศเวลาไป มันไม่สูญเปล่า” ตอนแรก นางสาววาสิลิซ่า ขับจักรยานยนต์จากประเทศชิลีเพื่อเดินทางสู่อลาสก้า เมื่อ 14 เดือน ก่อน เธอเดินทางไปแล้วกว่า 6,000 ไมล์ (ประมาณ9,700กิโลเมตร) ซึ่งเธอพยายามรักษาความปลอดภัยโดยตั้งแคมป์ในสถานที่ที่ไม่มีผู้คน แต่เหตุร้ายเกิดขึ้นเมื่อเธอละเลยความปลอดภัยของตัวเอง

สวยซวย ยุติธรรม ต้องสู้

วันที่เกิดเหตุ นางสาววาสิลิซ่าได้รับคำแนะนำจากคนท้องถิ่นให้ไปตั้งแคมป์ริมทะเลสาบ นางสาววาสิลิซ่าเผยว่า “มันเป็นสวรรค์ พวกเขาบอกว่ามันใช้ได้และฉันอยากไปพักตรงนั้นมาก ตอนพลบค่ำ ฉันเดินถ่ายรูปทะเลสาบ แล้วมีชาวประมงที่เมาเรียกฉันไปตกปลาด้วย แต่ฉันปฏิเสธและกลับที่พักไป อีกชั่วโมงหนึ่ง ฉันได้ยินเสียงคนจากนอกเต็นท์ มันมีเสียงคนหัวเราะและคำพูดน่าเกลียดต่อฉันในภาษาสเปน ซึ่งฉันฟังออก”

นางสาววาสิลิซ่าเผยต่อว่า “แล้วฉันเห็นเงามีดด้ามใหญ่ ผู้ชายเหล่านั้นเริ่มเขย่าเต็นท์ของฉัน และก็ฉุดฉันออกมา จากนั้นทุกอย่างเลวร้ายทันที พวกมันจ่อมีดที่หน้าอกกับท้องของฉัน อีกคนล็อกคอฉันไว้ ฉันสู้สุดหัวใจ มันก็ทุบตีฉันกลับ จากนั้น มันบีบคอและข่มขืนฉัน พวกมันตะคอกว่าจะฆ่าฉัน ฉันเชื่อว่ามันเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิต พวกมันขโมยของทุกอย่างไป แล้วปล่อยให้ฉันนอนอยู่ตรงนั้น”

ต่อมา นางสาววาสิลิซ่ามีอาการบาดเจ็บข้อมือหัก แผลฟกช้ำตามร่างกาย แล้วได้รับบาดเจ็บภายในร่างกายรุนแรง โดยเธอถูกขโมยกล้อง เงินสด บัตรเครดิต และรถจักรยานยนต์ เธอรวบรวมกำลังสุดท้ายเพื่อขอความช่วยเหลือและถูกส่งไปที่โรงพยาบาล แต่ทางโรงพยาบาลปฏิเสธที่จะตรวจร่างกายเธอโดยละเอียดและไม่ได้รักษาข้อมือของเธอ เพราะว่าเธอไม่มีเงินจ่าย

สองวันถัดไป นางสาววาสิลิซ่าถูกเชิญให้ไปชี้ตัวคนร้าย เธอเล่าว่า “มันเจ็บมาก ฉันไม่อาจทำใจคิดเลยว่าพวกมันทำแบบนั้นกับฉัน แล้วยังดูสบายใจมาก มันทั้งโกรธทั้งเหนื่อย แค่อยากให้เรื่องนี้มันจบๆไป” ตำรวจบอกเธอให้รีบกลับประเทศไป เพราะคดีนี้ไม่มีทางไปถึงศาลแน่นอน นางสาววาสิลิซ่าเล่าว่า “ฉันต้องเดินทางไปหาอัยการซึ่งอยู่ห่างจากสถานีตำรวจไป 100 กิโลเมตร ฉันเดินทางตั้ง 2 ชั่วโมง แต่เมื่อถึงที่แล้วพบว่าไม่มีใครอยู่”

“อัยการไม่ยอมคุยกับฉันหรือดำเนินคดีต่อโดยไม่มีทนายความ ฉันไม่รู้จะไปหาทนายจากไหน ไม่มีใครช่วย ไม่มีใครจริงขับกันเรื่องนี้ ทุกคนบอกฉันว่าเรื่องนี้น่าจะใช้เวลาหลายปี” แต่นางสาววาสิลิซ่าไม่ยอมแพ้ เธออาศัยอยู่กับเพื่อนในประเทศโบลิเวีย และทำงานเป็นโค้ชออกกำลังกายส่วนตัว จากนั้น เธอติดต่อสถานกงสุลประเทศอังกฤษแล้วได้รับความช่วยเหลือมากขึ้น แต่เธอต้องหาเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ

สวยซวย ยุติธรรม ต้องสู้

หลังจากนั้น นางสาววาสิลิซ่าได้รับทนายมาช่วยเหลือสำเร็จ ศาลพิจารณาคดีว่าผู้ทำร้ายเธอทั้งสามคน มีความผิดจริงและตัดสินจำคุกไป ตอนนี้นางสาววาสิลิซ่ารอทำเอกสารให้เสร็จสมบูรณ์ แล้วเธอจะเดินทางไปอลาสก้าตามที่ตั้งเป้าไว้ตอนแรก เธอกล่างทิ้งท้ายว่า “มันเหมือนปาฏิหารย์มีจริง ฉันจะไม่ละทิ้งความฝันเพราะคนเลวๆพวกนั้นหรอก”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน