สนามบินอู่ตะเภา กับส่วนแบ่งรัฐสามแสนล้าน เรื่องจริงที่มืออาชีพทำได้

สนามบินอู่ตะเภา / อันเนื่องจากบทความ “วิเคราะห์ 7 เงื่อนไขการเจรจาสนามบินอู่ตะเภากับความเป็นไปได้ในการจ่ายส่วนแบ่งรายได้สามแสนล้าน” โดยได้วิเคราะห์ถึงปัจจัยบางประการที่จะทำให้ข้อเสนอ 3 แสนล้านสามารถเกิดขึ้นได้จริง ต้องมีการปรับเปลี่ยนหรือผ่อนปรนเงื่อนไขในสัญญาอย่างน้อย 7 ประการที่นำเสนอไปก่อนหน้านี้

จากการติดตามการเจรจาและรายละเอียดในสัญญา ระหว่างกลุ่มบีบีเอสซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิ์ในการเข้าเจรจารายแรก เนื่องจากเสนอผลตอบแทนสูงสุดกับคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน กลางกระแสข่าวที่ว่าการเสนอผลตอบแทนให้สูงถึงสามแสนล้านบาทจะทำได้จริงหรือไม่นั้น

มีรายงานข่าวระบุถึงความคืบหน้าล่าสุดว่า ในขณะนี้การเจรจาเป็นไปได้ด้วยดี อยู่ในกรอบเวลาและเนื้อหาของการเจรจาทุกขั้นตอน สำหรับกระแสข่าวต่างๆ ที่ออกมา ตรวจสอบแล้วพบว่าการคิดคำนวณผลประโยชน์ตอบแทนที่เอกชนจะได้รับจากการเข้าร่วมโครงการนี้ นอกจากการได้โอกาสในการบริการท่าอากาศยานนานาชาติระดับเดียวกับสนามบินสุวรรณภูมิโดยทำหน้าที่เป็นประตูการเดินทางเข้าออกประเทศ (Intenationai Gateway) แล้ว ในโครงการสนามบินอู่ตะเภายังมีพื้นที่ในการบริการจัดการเมืองการบิน (Airport City) การบริหารเขตปลอดอากร (Free Trade Zone) จำนวนกว่าพันไร่ระยะเวลา 50 ปี รวมทั้งธุรกิจประกอบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าปลอดภาษี (Duty Free) ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ โรงแรม ร้านอาหาร อีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้นหากเอาจำนวนเงินสามแสนล้านที่เสนอให้รัฐเป็นตัวตั้ง และเอกชนรายที่รับการคัดเลือกเข้าทำสัญญาเป็นมืออาชีพจริง ธุรกิจดังกล่าวสามารถทำได้จริงอย่างแน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าเอกชนรายใดจะคิดคำนวณผลประโยชน์ให้รัฐหรือให้ตนเองสูงกว่ากัน นอกจากนี้ ที่ผ่านมาไม่มีการเสนอเรื่องการปรับเปลี่ยนหรือผ่อนปรนเงื่อนไขในสัญญา 7 ประการเลยแม้แต่ข้อเดียว

สำหรับข่าวที่ปรากฏออกมาว่า ผู้ร่วมเสนอราคาในโครงการนี้อีกรายหนึ่ง ซึ่งไม่ได้รับสิทธิ์ในการเจรจาเนื่องจากไม่ได้เสนอผลตอบแทนรัฐเป็นอันดับ 1 ได้ส่งหนังสือท้วงติงไปยังคณะกรรมการคัดเลือกถึงจำนวนเงินที่เสนอผลตอบแทนแก่รัฐของกลุ่มบีบีเอสว่ามีจำนวนสูงผิดปกติ และอาจสุ่มเสี่ยงที่กลายเป็นการประมูลเกินราคานั้น แหล่งข่าวระบุว่า กลุ่มที่ยื่นหนังสือดังกล่าว ต้องระมัดระวัง เพราะอาจถือเป็นการชี้แนะและแทรกแซงการทำงานของคณะกรรมการคัดเลือก ซึ่งอาจมีผลต่อตัวกลุ่มดังกล่าวเอง โดยระหว่างที่คณะกรรมการคัดเลือกกำลังเจรจากับผู้ได้รับสิทธิ์รายแรก ต้องไม่มีการเคลื่อนไหวในลักษณะชี้นำและแทรกแซงการทำงานของคณะกรรมการคัดเลือกจากกลุ่มอื่น อาจทำให้เสียสิทธิเข้าเจรจาเป็นรายต่อไป หากการเจรจากับกลุ่มแรกไม่สำเร็จ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน