ชาวห้วยกระเจา รวมตัวให้กำลังใจ ลุงตู่-ลุงป้อม-รมว.ทส.-อธิบดีฯน้ำบาดาล หลังเจอประเด็นดราม่า บ่อบาดาล พิมรี่พาย พร้อมชวนมาดูของจริงที่ห้วยกระเจา

จากกรณี น.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ หรือ “พิมรี่พาย” ลงพื้นที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนภัยแล้งให้ชาวบ้าน ต.ดู่ลาด อ.ทรายมูล จ.ยโสธร สร้างความดีใจให้กับชาวบ้าน ก่อนโลกโซเชียลนำผลงาน “พิมรี่พาย” เปรียบเทียบกับผลงาน งบประมาณ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และโลกโซเชียลแสดงความคิดเห็นงบประมาณกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กับงบพิมรี่พาย ใช้เจาะบาดาล มีราคาห่างกันหลายเท่าตัว

ต่อมา “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการขุดเจาะบาดาลที่มีราคาแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความลึกของบ่อน้ำบาดาล ก่อนยืนยันว่า การดำเนินการทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ทุกหน่วยงาน

ล่าสุด เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 6 เม.ย.64 ที่วัดพะยอมงาม หมู่ 12 ต.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ประชาชนชาวตำบลห้วยกระเจาจากทั้ง 21 หมู่บ้าน หลายร้อยคน นำโดยนายสิริพงศ์ สืบเนียม อดีตนายกเทศมนตรีตำบลห้วยกระเจา นายพัชรพล สืบดา กำนันตำบลห้วยกระเจา รวมทั้งผู้ใหญ่บ้านจากหมู่บ้านต่างๆ เดินทางมารวมตัวพร้อมชูป้ายให้กำลังใจแก่ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.)

รวมทั้งนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เจ้าหน้าที่สำนักทรัพยากรน้ำบาดาลเขต 2 (สุพรรณบุรี) ที่สามารถดำเนินการขุดเจาะสำรวจเพื่อหาแหล่งน้ำบาดาล มาช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาภัยแล้งซ้ำซากในพื้นที่ตำบลห้วยกระเจา

ตาม “โครงการศึกษา สำรวจ และรูปแบบการพัฒนาน้ำบาดาลจากแหล่งกักเก็บในหินแข็งระดับลึกในพื้นที่ธรณีวิทยาโครงสร้างซับซ้อน” ได้สำเร็จ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ตำบลห้วยกระเจาต่างรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก

แต่เมื่อมีปัญหาดราม่าเกิดขึ้นตามข้อมูลข้างต้น ทำให้ชาว ต.ห้วยกระเจา ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าวต่างรู้สึกไม่สบายใจ ถึงแม้จะเป็นคนละพื้นที่ รวมทั้งมีภูมิประเทศที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงก็ตาม สำหรับการรวมตัวกันในครั้งนี้ใช้เวลาไม่นานนักก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

นายพัชรพล กล่าวว่า ตำบลห้วยกระเจาเป็นตำบลที่มีความแห้งแล้งซ้ำซากมาก และพื้นที่ของเราเป็นพื้นที่ที่มีหินและและไม่มีน้ำ แต่เมื่อกรมทรัพยากรน้ำบาดาลนำทีมเข้ามาสำรวจจนกระทั่งเจอตาน้ำ แต่ว่าต้องเจาะลึกลงไปอย่างน้อย 300-400 เมตร และน้ำบาดาลที่ได้มาสามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้ทั้งตำบล

ดังนั้นต้องขอขอบคุณทางรัฐบาล โดยเฉพาะท่านนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และเจ้าหน้าที่ที่มาช่วยหาแหล่งน้ำช่วยเหลือชาวบ้าน ซึ่งต่อไปชาวบ้านตำบลห้วยกระเจาจะได้มีน้ำที่สะอาดเอาไว้ใช้สำหรับอุปโภค-บริโภค และภาคการเกษตร ซึ่งโครงการนี้ถือว่าเป็นโครงการที่ดี

นายพัชรพล กล่าวอีกว่า ส่วนในเรื่องของสื่อในโลกโซเชียลที่กำลังดราม่าอยู่ในขณะนี้ ตนรู้สึกเห็นใจรัฐบาล เพราะรัฐบาลได้พยายามช่วยเหลือประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งพื้นที่ของอำเภอห้วยกระเจาเป็นพื้นที่สีแดงมาโดยตลอด ก็ต้องขอบคุณรัฐบาลที่เข้ามาช่วยเหลือ

จากประเด็นดราม่า ก็ขอให้คุณ “พิมรี่พาย” เข้ามาช่วยเหลือพวกเราด้วยก็ได้ เพราะจะได้เข้ามาช่วยเหลือกันในการพัฒนาประเทศของเรา เมื่อเราคิดอย่างนี้จะได้ไม่ต้องไปลงสื่อโซเชียล ที่คอมเมนต์กันไปคอมเมนต์กันมา ตนมองว่ามันไม่ได้ความจริง แต่ถ้าอยากรู้ความจริงก็ขอให้มาที่ตำบลห้วยกระเจามาเจอกับพวกผมได้เลย จะได้ช่วยชี้แจงข้อเท็จจริงว่าชาวบ้านของเราเดือดร้อนอย่างไร และรัฐบาลได้เข้ามาช่วยเหลือพวกเราอย่างไรบ้าง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ “โครงการศึกษา สำรวจ และรูปแบบการพัฒนาน้ำบาดาลจากแหล่งกักเก็บในหินแข็งระดับลึกในพื้นที่ธรณีวิทยาโครงสร้างซับซ้อน”เพื่อหาแหล่งน้ำมาช่วยเหลือประชาชนชาวตำบลห้วยกระเจาที่ประสบปัญหาภัยแล้งซ้ำซากมากว่า 30 ปีนั้น ปัจจุบันกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้ดำเนินการเจาบาดาลในพื้นที่บ้านพยอมงาม หมู่ 12 ต.ห้วยกระเจา จำนวน 6 บ่อ แต่ละบ่อลึกประมาณ 100-320 เมตร น้ำบาดาลที่ได้อยู่ที่บ่อละ 10-20.57 ลบ.ม.ต่อชั่วโมง และพื้นที่บ้านทุ่งคูณ หมู่ 19 ต.ห้วยกระเจา จำนวน 6 บ่อ แต่ละบ่อลึก 100-300 เมตร แต่ละบ่อได้น้ำบาดาลอยู่ที่ 15-40 ลบ.ม.ต่อชั่วโมง

ทั้งนี้กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก น.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ หรือ “พิมรี่พาย” แม่ค้าขายของออนไลน์ชื่อดัง ลงพื้นที่หาแหล่งน้ำบาดาล เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยแล้งให้กับชาว ต.ดู่ลาด อ.ทรายมูล จ.ยโสธร ด้วยการใช้เงินส่วนตัว จำนวน 190,000 บาท ขุดเจาะบาดาลที่ความลึก 40 เมตร ได้น้ำมาให้ชาวบ้านได้ใช้ สร้างความดีใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก

แต่ต่อมาโลกโซเชียลได้นำผลงานของ “พิมรี่พาย” ไปเปรียบเทียบกับผลงานและงบประมาณที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ใช้งบประมาณในการขุดเจาะบาดาลแต่ละบ่อกว่า 1 ล้านบาท จากนั้นโลกโซเชียลได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้งบประมาณของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลกับงบที่ พิมรี่พาย ใช้จ่ายในการเจาะบาดาล ที่มีราคาห่างกันหลายเท่าตัว

ต่อมา “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการขุดเจาะบาดาล ที่มีราคาแตกต่างกันว่า เรื่องของราคาแพงหรือไม่แพง ขึ้นอยู่กับความลึกของบ่อน้ำบาดาล ถ้าขุดลึกก็ต้องใช้เงินแพง แต่ถ้าตื้นก็ใช้เงินถูก แต่ละบ่อจะเท่ากันได้อย่างไร บ่อหรือบึงบางครั้งลึก 300-400 เมตร จะไปขุด 30 เมตร ไม่ได้ และท่อที่ใส่ลงไปไม่เหมือนกัน ยืนยันว่า เรื่องราคาสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา การดำเนินการทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ ไม่ว่าหน่วยงานไหนก็ตาม

ก่อนที่ พิมรี่พาย ออกมากล่าวผ่านไลฟ์ขณะขายของว่า เวลาที่ทำบุญทีไรต้องมีดราม่าทุกที แต่ก็นับเป็นเรื่องที่ดีที่สังคมพูดถึงความแคลงใจ เมื่อก่อนนั้นประชาชนไม่มีสิทธิ์รับรู้ว่าเอาเงินส่วนกลางไปทำอะไรบ้าง แต่ตอนนี้โลกมันเปลี่ยนไป ประชาชนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น ต้องการทราบงบส่วนกลางทำอะไรได้บ้าง ก็ดีแล้ว พอมีดรามาหน่วยงานที่รับผิดชอบก็ต้องออกมาชี้แจง ในโลกนี้มีแต่คนเก่งขึ้นทุกวันจนไม่มีที่ให้คนโง่ยืนเลย แต่โลกนี้ขาดอยู่อย่างเดียว คือ คนที่พยายามเข้าใจคนอื่น

หลังจากนี้ ตนจะคิดหน้าคิดหลังให้ดีว่าสิ่งที่ทำจะกระทบกับใครบ้าง ตอนขุดบ่อบาดาลตนก็คิดว่า ไม่น่าจะกระทบกับใคร เพราะใช้โซลาร์เซลล์ ทำทิ้งเอาไว้ ถ้าเขาใช้ก็ใช้ ถ้าเจอสิ่งที่ดีกว่า ก็ไปใช้สิ่งที่ดีกว่าแค่นั้น ส่วนบ่อบาดาลที่ไม่ได้ขุดลึก “เพราะกลัวเจอนรกค่ะ” โดยทั้งหมดกลายเป็นกระแสดรามาเกิดขึ้นในปัจจุบัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน