กสศ. จับมือ สพฐ. ตชด. อปท. ออกมาตรการพิเศษช่วยนักเรียนทุนเสมอภาคช่วงชั้นรอยต่อ 3 แสนคน สู้ผลกระทบโควิด ป้องกันหลุดออกนอกระบบ

วันที่ 28 เม.ย.2564 น.พ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหาร กสศ. ได้มีการประชุมพิจารณามาตรการพิเศษเพื่อช่วยลดผลกระทบให้แก่นักเรียนทุนเสมอภาคกลุ่มช่วงชั้นรอยต่อ ได้แก่ อ.3 ป.6 ม.3 และ ม.6 เฉพาะสังกัด บก.ตชด. ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอมค่อนข้างสูง เนื่องจากต้องเปลี่ยนสถานศึกษาและมีความเสี่ยงหลุดออกนอกระบบการศึกษามากกว่าช่วงชั้นอื่น ๆ อย่างมีนัยสำคัญทุกปี

น.พ.สุภกร กล่าวต่อว่า คณะกรรมการบริหารกสศ. จึงมีมติเห็นชอบมาตรการจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนทุนเสมอภาคเพิ่มเติม ให้แก่นักเรียนทุนเสมอภาค ครอบคลุม 3 สังกัด สพฐ. อปท. บก.ตชด. ประกอบด้วย ระดับชั้นอนุบาล 3 ป.6 ม.3 และ ม.6 เฉพาะสังกัด บก.ตชด. จำนวน 294,928 คน ในอัตราคนละ 800 บาท รวมงบประมาณราว 235,942,400 บาท

กสศ. จับมือ สพฐ. ตชด. อปท. ออกมาตรการพิเศษช่วยนักเรียนทุนเสมอภาคช่วงชั้นรอยต่อ 3 แสนคน

กสศ. จับมือ สพฐ. ตชด. อปท. ออกมาตรการพิเศษช่วยนักเรียนทุนเสมอภาคช่วงชั้นรอยต่อ 3 แสนคน

เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษา เช่น ค่าธรรมเนียมการสมัครเรียน ค่าเดินทางมาสมัครเรียน หรือการเตรียมความพร้อมในการเรียนต่อ โดยมีเงื่อนไขให้นักเรียนและผู้ปกครองแสดงหลักฐานการสมัครเรียนต่อในปีการศึกษา 2564 ทั้งนี้ กสศ. สพฐ. อปท. และ บก.ตชด. จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลตรวจสอบการมาเรียนของนักเรียนทุกคนหลังเปิดภาคเรียนวันที่ 1 มิ.ย.นี้

น.พ.สุภกร กล่าวว่า เงินอุดหนุนเพิ่มเติมนี้ไม่ได้เป็นมาตรการเดียวที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้แก่กลุ่มเป้าหมายในสถานการณ์โควิด-19 ได้ กสศ. สพฐ. อปท. บช.ตชด. ร่วมกันพัฒนาระบบติดตามกลุ่มเป้าหมายนักเรียนยากจนและยากจนพิเศษเป็นรายบุคคลอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ระดับอนุบาลจนสำเร็จการศึกษาภาคบังคับเพื่อป้องกันการหลุดออกจากระบบการศึกษา

“นอกจากนี้ ในปีการศึกษา 2564 กสศ.มีแผนจะจัดเงินอุดหนุนสำหรับนักเรียนทุนเสมอภาคในทุกสังกัดจำนวนรวม 1.17 ล้านคน เป้าหมายเพื่อป้องกันมิให้ครอบครัวของนักเรียนกลุ่มที่ยากจนที่สุดต้องเผชิญกับสภาวะ “ฟางเส้นสุดท้าย” ทางเศรษฐกิจจนต้องนำบุตรหลานออกจากการศึกษากลางคัน โดย กสศ.ประมาณการว่าภาวะวิกฤตโควิตจะส่งผลให้ครอบครัวยากจนและทำให้จำนวนนักเรียนยากจนพิเศษมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีการศึกษา 2563″

อีกมาตรการคือการส่งต่อนักเรียนที่มีศักยภาพให้ได้ศึกษาต่อในระดับสูงต่อไปด้วยทุนการศึกษาจากแหล่งทุนต่างๆ เช่น ความร่วมมือระหว่างกสศ.และกยศ. ในการส่งข้อมูลนักเรียนยากจนและยากจนพิเศษที่กำลังจบม.3 เพื่อให้ได้ทุนกยศ.ศึกษาต่อ หรือความร่วมมือกับที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยในอนาคต เพื่อส่งต่อข้อมูลให้มหาวิทยาลัยจัดหาทุนการศึกษาให้กับเด็กกลุ่มนี้ สามารถเรียนต่อระดับอุดมศึกษาได้

ด้าน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า การป้องกันไม่ให้เด็กหลุดออกนอกระบบการศึกษามีความสำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะในช่วงวิกฤติการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ขณะนี้ สพฐ.ร่วมกับ กสศ. ได้ติดตามผลกระทบนักเรียนยากจนพิเศษอย่างใกล้ชิด มีการสำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน 4,394 คน ผ่านการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์

ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวต่อว่า พบว่า นักเรียนกลุ่มรอยต่อที่จะต้องเปลี่ยนช่วงชั้นหรือเปลี่ยนสถานศึกษาใหม่ ร้อยละ 97.82 ต้องการจะเรียนต่อ และขอให้มีการสนับสนุนช่วยเหลือดังนี้ (1) ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการศึกษา ร้อยละ 87.95 (2) อุปกรณ์การเรียน ร้อยละ 54.91 และ(3) ค่าสมัครเรียน ร้อยละ 51.34

ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวว่า การจัดสรรเงินอุดหนุนทุนเสมอภาคเพิ่มเติมสำหรับนักเรียนช่วงชั้นรอยต่อจึงถือว่าเรื่องสำคัญ เป็นข่าวดี ที่ตอบโจทย์ความเดือดร้อนของผู้ปกครองและความต้องการของนักเรียนกลุ่มนี้ได้ สพฐ.ขอความร่วมมือ สถานศึกษา คุณครู ชี้แจงวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินแก่นักเรียนและผู้ปกครอง รวมทั้งดำเนินการจัดสรรเงินอุดหนุนเพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์ของกสศ. ที่สำคัญคือสอบถามผู้ปกครองหรือนักเรียน เพื่อบันทึกข้อมูลการคงอยู่ในระบบการศึกษาของนักเรียนผ่านระบบสารสนเทศ ให้เราสามารถติดตามประสิทธิภาพในทำงานเรื่องนี้ได้อย่างต่อเนื่อง ป้องกันไม่ให้เด็กหลุดออกนอกระบบการศึกษาได้จริง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน