โควิด 19 ยังไม่จบ แนวโน้ม เด็กกำพร้า เพิ่มรายวัน กสศ.-ยูนิเซฟ เสนอเรียนฟรีจนจบป.ตรี พร้อมสร้างระบบช่วยเหลือพิเศษเด็กได้รับผลกระทบ

วันที่ 7 ก.ย.2564 นางสุภัชชา สุทธิพล อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบในวงกว้าง กลุ่มเด็กยังคงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลโควิด-19 พบมีเด็กติดเชื้อสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค.-4 ก.ย.2564 จำนวน 142,870 คน แบ่งเป็น กทม. 31,111 คน และภูมิภาค 111,759 คน โดยยังคงติดเชื้อรายวันมากกว่า 2,000 ราย ที่สำคัญผู้เสียชีวิตเฉลี่ยรายวันยังคงขึ้นลงมากกว่า 200 รายต่อวัน

นางสุภัชชา กล่าวต่อว่า ซึ่งหากผู้เสียชีวิตเป็นพ่อแม่หรือผู้ปกครองของเด็กก็จะส่งผลให้มีเด็กกำพร้าเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวง พม. ร่วมกับศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 ได้มีการช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฯ ตั้งแต่ 1 ม.ค.-4 ก.ย.2564 จำนวนทั้งสิ้น 9,565 คน สำหรับกลุ่มเด็กกำพร้า นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใย ได้มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สำรวจข้อมูลตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค.-4 ก.ย.2564 พบเด็กกำพร้า 369 คน โดยกำพร้าบิดามากที่สุด 180 คน กำพร้ามารดา 151 คน กำพร้าทั้งบิดาและมารดา 3 คน และกำพร้าผู้ปกครอง 35 คน ภาคใต้พบเด็กกำพร้ามากที่สุด 131 ราย ร้อยละ 71.54 อยู่ในช่วงอายุ 6-18 ปี และร้อยละ 33.06 เป็นเด็กที่เรียนชั้นประถมศึกษา

นางสุภัชชา กล่าวว่า ปัจจุบันเด็กกำพร้า 369 คน ได้รับการดูแลในรูปแบบครอบครัว 367 คน (โดยอยู่กับพ่อหรือแม่ 231 คน อยู่กับครอบครัวเครือญาติ 133 คน และอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์อาสาสมัคร 3 คน) และอยู่ในบ้านพักเด็กและครอบครัว/สถานสงเคราะห์เพื่อจัดหาครอบครัวทดแทน 2 คน โดยได้รับการช่วยเหลือแล้ว ทั้งนี้ ข้อมูลเด็กกำพร้าจะถูกบันทึกลงในระบบสารสนเทศเพื่อการคุ้มครองเด็ก CPIS เพื่อใช้ในการวางแผนการดูแลและการจัดบริการให้แก่เด็กทั้งระยะสั้นและระยะยาว

“ในปีงบประมาณ 2565 กระทรวง พม. เตรียมรองรับการจัดสวัสดิการให้กับเด็กและครอบครัว โดยคณะกรรมการบริหารกองทุนคุ้มครองเด็กให้ความสำคัญในการช่วยเหลือเด็กรายบุคคลโดยการสนับสนุนครอบครัวและครอบครัวอุปถัมภ์ให้ได้รับบริการเพื่อสนับสนุนการดูแลเด็ก โดยจะมีเด็กได้รับความช่วยเหลือประมาณ 1,600 คน นอกจากนี้มีเงินอุดหนุนการให้บริการสวัสดิการเด็กในครอบครัวยากจน” อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน กล่าว

ด้าน ศาสตราจารย์ สมพงษ์ จิตระดับ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ภาคประชาสังคม กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ของกสศ. ในช่วงที่ผ่านมา เราพบว่า เด็กส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบ 80% คือเด็กยากจนด้อยโอกาส ในชุมชนแออัดที่นอกจากเหลื่อมล้ำด้านเศรษฐานะแล้วยังเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา วันที่เราส่งเพวกเขากลับบ้าน เราจะพบเห็น คลื่นปัญหาที่ต้องเผชิญต่อไปคือ ความยากจน เพราะพ่อแม่ที่ป่วยไข้ก็ตกงาน ไม่ได้กลับไปทำงาน ถูกเลิกจ้าง ไม่มีเงินซื้ออาหาร ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน

ศาสตราจารย์ สมพงษ์ กล่าวต่อว่า ไม่นับเรื่องการเรียน ออนไลน์ไม่มีอุปกรณ์ไม่มีความพร้อมใดใด และมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้กลับมาเรียนอีก ภารกิจจากนี้คือ การติดตาม เยียวยาป้องกันไม่ให้เด็กกลุ่มนี้หลุดจากระบบการศึกษา โดยกสศ.มีโครงการนำร่องช่วยเหลือเด็กที่ประสบวิกฤติทางการศึกษา และการฟื้นฟูทักษะอาชีพให้แก่พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว

“สำหรับเด็กกำพร้า เสนอให้รัฐบาล ออกมาตราการเรียนฟรีจนถึงระดับอุมศึกษา ครอบคลุมทั้งกลุ่มที่สูญเสียพ่อแม่เพราะการติดเชื้อโควิด-19 หรือเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายจากวิกฤติเศรษฐกิจ นอกจากนี้ต้องให้คำแนะนำแก่ครูและโรงเรียน ในการเตรียมความพร้อมเพื่อดูแลเด็กนักเรียนที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักหรือสมาชิกครอบครัวจากวิกฤตโควิด-19 โดยแม้เด็กจะกลับมาเข้าห้องเรียนได้ แต่สภาพจิตใจอาจยังไม่พร้อมสมบูรณ์” ศาสตราจารย์ สมพงษ์ กล่าว

ศ.เกียรติคุณ นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากจำนวนเด็กที่ป่วยในช่วงแรก 997 คน หรือคิดเป็น 6% ต่อมาได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนถึง 1.4 แสนคนหรือคิดเป็น 14 % ของผู้ติดเชื้อและติดเชื้อจากที่บ้านเพราะโรงเรียนยังไม่ได้เปิด เด็กที่ป่วยแล้วเสียชีวิต 20 คน เป็นเด็กที่มีโรคประจำตัวมาก่อนแล้ว โดยกลุ่มเด็กที่ติดเชื้อสูงสุดคือ 12-18 ปี คิดเป็น 38% รองลงมาคือ 6-12 ปี คิดเป็น 32% และอายุต่ำว่า 6 ปี ประมาณ 5% โดย เด็กอายุ 6-12 ปี ยังไม่พบการเสียชีวิต และเด็กเสียชีวิตน้อยกว่าผู้ใหญ่เพราะมีภูมิคุ้มกันต่อสู้กับเชื้อใหม่ดีกว่า

ขณะที่ รศ.พญ.วารุณี พรรณพานิช วานเดอพิทท์ กุมารแพทย์ประจำสถาบันเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า จากผลวิจัยล่าสุดของประเทศอังกฤษในการติดตามระยะเวลาของการเจ็บป่วยในเด็กวัยเรียนอายุ 5-17 ปี พบว่า อาการ Long Covid จะมีผลต่อเด็กโตมากกว่าเด็กเล็ก ๆ และส่วนใหญ่จะมีระยะเวลาอยู่ที่ 6-12 สัปดาห์ งานวิจัยระบุว่าอาการ Long Covid ในเด็กที่ถือว่ายาวนานคือ 1 เดือน หรือ 4 สัปดาห์ขึ้นไป ซึ่งในเด็กพบที่ราว 4.4%

“แต่ข้อที่น่าสนใจคือข้อมูลที่เปรียบเทียบกับเด็กที่ติดเชื้อทางเดินหายใจซึ่งยืนยันว่าโควิด-19 ก่อให้เกิดผลกระทบระยะยาวได้จริง โดยค่ามัธยฐานของผู้ป่วยเด็กจะมีอาการจากโควิด-19 ประมาณ 6 วัน ขณะที่ติดเชื้อทางเดินหายใจที่ประมาณ 3 วัน และหากเปรียบเทียบเด็กเล็กกับเด็กโต พบว่าเด็กเล็กจะป่วยเฉลี่ยที่ประมาณ 5 วัน ซึ่งเด็กโตจะนานกว่าคือประมาณ 7 วัน และความเสี่ยงของภาวะ Long Covid ในเด็กโตก็มีมากกว่า คือ 5.1% ส่วนเด็กเล็กอยู่ที่ 3.1% อาการที่สำคัญคือปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ซึ่งอาจต่อเนื่องไปถึง 28 วัน” รศ.พญ.วารุณี กล่าว

ส่วน น.ส.นิโคล่า บลั้น รักษาการหัวหน้าฝ่ายคุ้มครองเด็ก องค์การยูนิเซฟประเทศไทย กล่าวว่า ในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก หรือ UNCRC ระบุไว้ว่า เด็กมีสิทธิที่จะเติบโตในครอบครัวตัวเอง ดังนั้นในความช่วยเหลือเด็กที่สูญเสียผู้ดูแลจากสถานการณ์โควิด-19 จำเป็นต้องมองไปที่สมาชิกครอบครัวที่เหลืออยู่ก่อน หรือใช้การดูแลทดแทนในระยะสั้น การแยกเด็กออกมากอยู่ในสถานสงเคราะห์หรือครอบครัวอุปถัมภ์ ควรเป็นทางเลือกสุดท้าย

“รัฐจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการสร้างระบบการช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบ โดยสนับสนุนทั้งสิ่งของ งบประมาณ และจิตใจให้กับเด็กและครอบครัว รวมถึงผลักดันให้เข้าถึงงานสังคมสงเคราะห์ บริการสาธารณสุข มีสวัสดิการและความคุ้มครองทางสังคมรองรับ โดยจัดทำฐานข้อมูลและระบบบริหารจัดการที่ช่วยชี้เป้าและติดตามครอบครัวของเด็กกลุ่มเสี่ยงได้ อาทิ ครอบครัวพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว เด็กที่อยู่กับปู่ย่าตายายลำพัง รวมไปถึงข้อมูลของเด็กกลุ่มเปราะบางทั้งหมด โดยทุกการตัดสินใจเด็กต้องได้มีส่วนร่วม มีสิทธิในการเลือกอนาคตของตนเอง ไม่ใช่การวางแผนโดยหน่วยงานหรือผู้ใหญ่โดยที่เด็กไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย” น.ส.นิโคล่า ระบุ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน