เพื่อไทย จับมือ แพร่-เชฟชุมพล ชู “แพร่โมเดล” เดินหน้าโครงการ “นวัตภัตรา” สานต่ออาหารไทยสู่ครัวโลกสมัย “ยิ่งลักษณ์” พร้อมต่อยอดเป็นนโยบาย

วันที่ 27 พ.ย.2564 ที่ จ.แพร่ นายวิเชียร อนุสาสนนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ พร้อมด้วย นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีตรมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฐานะคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) และ นายสุสังข์ ชุ่มมะโน พัฒนาการจ.แพร่ ร่วมเปิดตัวโครงการยกระดับผลิตภัณฑ์ OTOP ประเภทอาหารให้เป็นสินค้าระดับสากลภายใต้คอนเซ็ปต์ “นวัตภัตรา” การพัฒนาอาหารด้วยนวัตกรรม

โดยมี เชฟชุมพล แจ้งไพร เชฟชื่อดังดีกรีระดับมิชลินสตาร์ 2 ดาว และทูตอาหารยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ เป็นผู้ดำเนินการยกระดับผลิตภัณฑ์อาหาร ตลอดจนให้การสนับสนุนดำเนินการทำการตลาดครบวงจร โดยการพัฒนาจะคงคุณภาพผลิตภัณฑ์ของพืชผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ ให้มีความสดเหมือนผลิตใหม่ ใช้ไนโตรเจนเหลวทำให้อาหารเยือกแข็งที่อุณหภูมิต่ำกว่า-60 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ เชฟชุมพลได้ใช้แบรนด์ Heaven cuisine เป็นแบรนด์หลัก ร่วมกับแบรนด์ของผลิตภัณฑ์ชุมชนกว่า 252 ผลิตภัณฑ์ เพื่อนำเสนอสู่ตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ

เพื่อไทย จับมือ แพร่-เชฟชุมพล ชู "แพร่โมเดล" เดินหน้าโครงการ "นวัตภัตรา"

เพื่อไทย จับมือ แพร่-เชฟชุมพล ชู “แพร่โมเดล” เดินหน้าโครงการ “นวัตภัตรา”

นายวิเชียร กล่าวว่า นี่คือปรากฏการณ์ความยิ่งใหญ่ของ จ.แพร่ ที่จะมีแบรนด์อาหารใหม่ที่ชื่อว่า Heaven Cuisine จากฝีมือเชฟชื่อดังระดับโลก มีการนำนวัตกรรมใหม่มาต่อยอด ทำให้อาหารมีรสชาติคงเดิม สดเหมือนเพิ่งผลิตใหม่ และเก็บได้ยาวนาน ซึ่งในอนาคตจะเป็นการส่งเสริม และกระตุ้นเศรษฐกิจของจ.แพร่อย่างสำคัญ

ด้าน เชฟชุมพล กล่าวว่า นับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ที่มีโอกาสเข้ามายกระดับผลิตภัณฑ์อาหารให้เป็นสินค้าพรีเมี่ยม โดยใช้วัตถุดิบหลักจากจังหวัด และมั่นใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารไทยเข้าสู่การเป็นครัวของโลก

ขณะที่ นายวรวัจน์ กล่าวว่า วันนี้พรรคพท. มีเป้าหมายที่จะให้คำแนะนำกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนให้รู้จักเทคโนโลยีใหม่ๆ และการนำมาใช้ โดยโครงการนี้ต่อเนื่องมากจากโครงการครัวไทยสู่ครัวโลกที่เคยมีในสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ผ่านมาเราคิดเพื่อพัฒนาสูตรอาหารของแต่ละภูมิภาค แล้วเราจะนำเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมได้อย่างไร พอเราเห็นช่องทางว่าไปได้โดยใช้เทคโนโลยี เราก็ดำเนินการ

นายวรวัจน์ กล่าวต่อว่า วันนี้เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มต่างๆ โดยมีเชฟชุมพลและกลุ่มอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ดำเนินการร่วมกันมาช่วยกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นมา โดยการจับมือกับจ.แพร่ให้เกิดเป็น “แพร่โมเดล” ในการพัฒนาโรงงานระดับชุมชน ซึ่งจะเป็นโรงงานระดับชุมชนแห่งแรกที่ชุมชนสามารถเข้าไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองได้โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายสูง

นายวรวัจน์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เรายังจะผลักดันให้ได้อย. และให้ได้มาตรฐานอุตสาหกรรมส่งออก รวมถึงเรายังได้หาตลาดให้ชุมชน โดยการติดต่อกับร้านอาหารที่อยู่ในต่างประเทศ เช่น จีนไว้ โดยประสานงานผ่านเชฟซึ่งเชฟจะเป็นผู้ดีไซน์อาหารจากความต้องการของผู้บริโภค เพื่อให้ชุมชนผลิตตามความต้องการ เป็นการเปิดช่องให้ผู้ผลิตกับผู้ซื้อได้เจอกัน

นายวรวัจน์ กล่าวด้วยว่า โครงการนี้จะทำให้ผลิตผลทางการเกษตรที่ล้นในแต่ละฤดูกาล เข้ามาสู่ระบบเยือกแข็ง ซึ่งกระบวนการนี้จะทำให้ผลผลิตมีคุณสมบัติทั้งรสชาติและรสสัมผัสเหมือนเดิม ไม่เสื่อมไป นอกจากนี้ความพิเศษของโครงการนี้คือการพัฒนาสูตรอาหารที่ไม่มีผงชูรส ไม่มีสารปรุงแต่ง แต่ใช้อูมามิจากธรรมชาติมาสกัด เพื่อเป็นอาหารสำหรับผู้รักสุขภาพด้วย

เมื่อถามว่า พรรคพท. จะต่อยอดเรื่องนี้ให้เป็นนโยบายของพรรคเลย หรือจะกระจายลงไปในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ เพื่อต่อยอดแล้วชูเป็นนโยบายในการหาเสียงรอบหน้าหรือไม่ นายวรวัจน์ กล่าวว่า หลังที่ จ.แพร่ ทำสำเร็จแล้ว เราจะแนะนำให้จังหวัดอื่น ๆ ต่อไป ซึ่งโครงการนี้หากจังหวัดใดอยากดำเนินการ เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน อาจจะตั้งงบประมาณของจังหวัด หรือกลุ่มจังหวัดขึ้นมาดำเนินการได้

“ขณะที่ท้องถิ่นก็สามารถตั้งงบประมาณของท้องถิ่นขึ้นมาดำเนินการได้เช่นกัน ตรงนี้จะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร ทำตลาดใหม่ และเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ เราทำให้เกิดช่องทางระหว่างตลาดกับผู้ขาย นี่คือสิ่งที่พรรคพท.คิด และพยายามผลักดันให้เกิด เราต้องการกระจายการพัฒนาไปในทุกภาคไม่ว่าจะประมงในภาคใต้ ผลไม้ในภาคตะวันออก พืชผักในภาคกลาง หรือเนื้อสัตว์ในภาคอีสาน เราจึงร่วมมือกับจ.แพร่ และดำเนินโครงการนี้ที่จ.แพร่ก่อน” นายวรวัจน์ กล่าว

นายวรวัจน์ กล่าวต่อว่า หากที่ใดสนใจก็สามารถมาเรียนรู้ และเข้ามาลองปฏิบัติจริงในโรงงานก่อนจะขยายออกไป เราเปิดโอกาสให้กับคนไทยทุกคน เชื่อว่าในอนาคตจะมีโรงงานที่สามารถแปรรูป และเก็บรักษาผลผลิตของเกษตรกรไว้ได้ในทุกภาคในประเทศ วันนี้ถ้าเราจะขายกุ้งสู้กับต่างประเทศ เราคงสู้ไม่ได้ แต่ถ้าเราทำเป็นต้มย้ำกุ้งที่สามารถนำส่งออกได้ เราสู้ได้แน่นอน เช่นเดียวกัน ถ้าเราขายข้าวไม่ได้ราคา เก็บไว้นานก็เสีย เราเอามาพัฒนาเป็นข้าวผัดเยือกแข็งพร้อมทาน หรือข้าวสวยที่สามารถเก็บรักษาข้าวไว้ทานได้ตลอดทั้งปี และผสมผสานกับอาหารไทย ตนคิดว่าเราสู้ได้อย่างแน่นอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน