11 ศิลปินแห่งชาติ ร่วมโครงการถ่ายทอดงานศิลป์กับศิลปินแห่งชาติ ลายลักษณ์วรรณศิลป์ รุ่น 7 ปลุกพลังนักเรียน นักศึกษา นักเขียนหน้าใหม่ สร้างสรรค์งานวรรณศิลป์

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.66 นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) มอบหมายให้น.ส.วราพรรณ ชัยชนะศิริ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นประธานเปิดงาน โครงการถ่ายทอดงานศิลป์กับศิลปินแห่งชาติฯ

น.ส.วราพรรณ เปิดเผยว่า การจัดการฝึกอบรม ลายลักษณ์วรรณศิลป์ รุ่น 7 ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งของโครงการถ่ายทอดงานศิลป์กับศิลปินแห่งชาติ ที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรมดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และงดการจัดกิจกรรมไปในช่วงที่แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ภายหลังจากที่สถานการณ์ของโรคระบาดคลี่คลายลง สวธ.จึงจัดกิจกรรมนี้ขึ้นอีกครั้งด้วยเห็นว่า กิจกรรมการฝึกอบรมลายลักษณ์วรรณศิลป์ เป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญต่อการสืบทอดรักษามรดกภูมิปัญญาและองค์ความรู้ของศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์

และยังเป็นประโยชน์ต่อ นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ และผู้ที่ต้องการจะเป็นนักเขียนในอนาคต ให้มีโอกาสเสริมสร้างประสบการณ์ ศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับศิลปินแห่งชาติ ฝึกฝนลีลาในการสร้างสรรค์งานวรรณศิลป์ พัฒนาทักษะกระบวนการคิดให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สามารถนำความรู้ไปต่อยอดในการสร้างสรรค์งานวรรณศิลป์ตามแนวทางของตนเอง และยังมีโอกาสที่จะได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับ อัครศิลปิน วิศิษฏศิลปิน ประวัติและผลงานของ ศิลปินแห่งชาติ จากนิทรรศการที่จัดแสดงอยู่ภายในหออัครศิลปินแห่งนี้อีกด้วย

รองอธิบดี สวธ. กล่าวต่อว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดของการฝึกอบรมครั้งนี้ คือ การสนับสนุนจากศิลปินแห่งชาติ การฝึกอบรมในลักษณะนี้ จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากศิลปินแห่งชาติทุกท่าน ที่เห็นถึงความสำคัญและประโยชน์ที่ผู้เข้าอบรม รวมถึงสังคมและประเทศชาติจะได้รับ ในนามของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ขอขอบคุณศิลปินแห่งชาติ และวิทยากรทุกท่าน ที่กรุณาสละเวลาให้เกียรติมาถ่ายทอดความรู้ให้แก่ ผู้เข้าอบรม








Advertisement

และหวังว่าผู้เข้าอบรมทุกคนจะนำความรู้ ประสบการณ์ คำชี้แนะ วิจารณ์ ที่ได้รับจากศิลปินแห่งชาติ และวิทยากร ไปปรับใช้กับการสร้างสรรค์ผลงานของตนเองให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น และขอเป็นกำลังใจให้แก่ผู้เข้าอบรมทุกคนในการที่จะร่วมกันรักษาสืบสาน และสร้างสรรค์งานวรรณศิลป์เพื่อจรรโลงสังคมและวัฒนธรรมให้คงอยู่และดียิ่งขึ้นต่อไป

จากนั้น นางมงคลทิพย์ รุ่งงามฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันวัฒนธรรมศึกษา กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดกิจกรรม ว่า เพื่อถ่ายทอดความรู้ ภูมิปัญญาของศิลปินแห่งชาติ ให้แก่ นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ และผู้ที่ต้องการจะเป็นนักเขียน จากทั่วประเทศ ในรูปแบบการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ

โดยในภาคทฤษฎีผู้เข้าอบรมจะได้รับการถ่ายทอดความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการสร้างสรรค์ผลงานจากศิลปินแห่งชาติ ในภาคปฏิบัติ ผู้เข้าอบรมจะสร้างสรรค์ผลงานตามความถนัด เมื่อจบหลักสูตรศิลปินแห่งชาติจะพิจารณาคัดเลือกผลงานดีเด่น และนำไปจัดพิมพ์ในหนังสือลายลักษณ์วรรณศิลป์ 7

ซึ่งนอกจากจะเป็นการเผยแพร่ผลการดำเนินโครงการแล้วยังเผยแพร่ผลงานของผู้เข้าอบรมไปยังนักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ ในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ และผู้อ่านทั่วไป เป็นการเปิดมุมมอง สร้างจินตนาการและสร้างแรงบันดาลใจ ให้แก่ผู้อ่านและนักเขียนรุ่นใหม่ต่อไป

ด้านนางนันทพร ศานติเกษม (ปิยะพร ศานติเกษม) ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พุทธศักราช 2564 กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่ตนเองได้มีโอกาสร่วมเป็นวิทยากรถ่ายทอดประสบการณ์ ในการสร้างสรรค์งานเขียนด้านนวนิยายและอยากจะฝากถึงน้องๆ ว่าที่นักเขียนในอนาคตว่า ถ้าใครอยากเป็นนักเขียนต้องเริ่มสำรวจตัวเองเบื้องต้นก่อนว่า เป็นคนรักการอ่านไหม รักตัวอักษรไหม รักการเขียนไหม

หากมีสิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐาน น้องๆ ก็สามารถฝึกฝน พัฒนาทักษะ ให้เป็นนักเขียนที่ดีได้ เพราะการเขียนได้ เขียนดี และเขียนงาม จะสามารถก้าวสู่ความสำเร็จบนถนนนักเขียนได้แน่นอนในอนาคต

โดยการอบรมในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก 11 ศิลปินแห่งชาติ ได้แก่ นายสถาพร ศรีสัจจัง, นายเจริญ มาลาโรจน์, นางชมัยภร บางคมบาง, นายไพวรินทร์ ขาวงาม, รองศาสตราจารย์ธัญญา สังขพันธานนท์, นายกิตติศักดิ์ มีสมสืบ, นายจำลอง ฝั่งชลจิตร, นางสาวอรสม สุทธิสาคร, นางนันทพร ศานติเกษม, นายวรนันทน์ ชัชวาลทิพากร, นางวรรณี ชัชวาลทิพากร และ ผู้ทรงคุณวุฒิ 2 ท่าน ได้แก่ นายวีระศักดิ์ จันทร์ส่งแสง และนายจรูญพร ปรปักษ์ประลัย

มาร่วมถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ในการสร้างสรรค์ผลงานวรรณกรรม ในการใช้ภาษาของตนเองให้สามารถหลอมรวมความรู้ ความคิด ทัศนคติและประสบการณ์ ด้วยกระบวนการคิดที่เป็นระบบสามารถสื่อสารไปยังผู้อ่านผ่านงานวรรณกรรมประเภทต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้เขียน

เมื่อจบหลักสูตรศิลปินแห่งชาติจะพิจารณาคัดเลือกผลงานดีเด่น ของผู้เข้ารับการอบรมทั้ง 4 ประเภทได้แก่ เรื่องสั้น นวนิยาย กวีนิพนธ์ และสารคดี ไปจัดพิมพ์ในหนังสือลายลักษณ์วรรณศิลป์ 7 ซึ่งนอกจากจะเป็นการเผยแพร่ผลการดำเนินโครงการแล้ว ยังได้เผยแพร่ผลงานของผู้เข้าอบรมไปยังนักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ ในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ และผู้อ่านทั่วไป เป็นการเปิดมุมมอง สร้างจินตนาการ และสร้างแรงบันดาลใจ ให้แก่ผู้อ่านและนักเขียนรุ่นใหม่ต่อไป

 

 

 

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน