ส.อ.ท.-กนอ. จัดงานสัมมนาวิชาการประจำปี 2566 : Eco Innovation Forum 2023 ภายใต้แนวคิด “MIND INSPIRE for Eco 2023”
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โดยสถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืนร่วมกับสถาบันกนอ. การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ก้าวสู่ปีที่ 7 ของการจัดงานสัมมนาวิชาการประจำปี (Eco Innovation Forum) โดยงานในปี 2566 จัดงานขึ้นภายใต้แนวคิด “MIND INSPIRE for Eco 2023” โดยมี นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดงาน และกล่าวปาฐกถาพิเศษ “MIND & INSPIRE ขับเคลื่อน Eco Industrial for Carbon Neutrality”
พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากกระทรวงอุตสาหกรรม นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รศ.ดร.วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และผู้บริหารระดับสูงของส.อ.ท. และ กนอ. เข้าร่วม ณ ห้องแกรนด์ฮอลล์ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพมหานคร
นายณัฐพล ได้มอบนโยบาย “MIND & INSPIRE ขับเคลื่อน Eco Industrial for Carbon Neutrality” ด้วยนโยบายส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ของรัฐบาล และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ โดยให้ความสำคัญต่อการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และใช้การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
ซึ่งในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรมได้มีการปฏิรูปการทำงานตามนโยบาย MIND ในการใช้หัวและใจขับเคลื่อนการปฏิบัติงานเพื่อก้าวสู่ Eco Industrial for Carbon Neutrality โดยยกระดับ “อุตสาหกรรมดี อยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน” วาง 4 มิติ ส่งเสริมธุรกิจ ดูแลชุมชน รักษาสิ่งแวดล้อม และกระจายรายได้เพื่อคุณภาพชีวิตที่สมดุลกับสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ ภายใต้ BCG Model
มุ่งสู่เป้าหมายอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การวางระบบดูแล ควบคุม และกำจัดของเสียในภาคอุตสาหกรรมที่ไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชน การใช้พลังงานทางเลือก สู่การเป็นอุตสาหกรรมไบโอชีวภาพ (Bio Circular Economy) เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดต้นแบบอุตสาหกรรมคาร์บอนเป็นศูนย์ (Zero Carbon Industry)
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เป็นพันธมิตรร่วมจัดงานสัมมนาวิชาการ “Eco Innovation Forum” กับ ส.อ.ท. มาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้การจัดงานภายใต้แนวคิด “MIND INSPIRE for Eco 2023” ท่ามกลางความท้าทายด้านเศรษฐกิจที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่มากขึ้น ภาคอุตสาหกรรมไทยยังคงได้รับแรงกดดันต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
อีกทั้งปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบมากขึ้น โดยประเทศไทยได้ประกาศความมุ่งมั่นที่จะมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality ภายในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Emission ภายในปี 2065 ทำให้ภาคอุตสาหกรรมต้องเร่งปรับตัว เตรียมพร้อม ทั้งการมุ่งสู่การเป็นโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) เพื่อให้มีการใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
รวมถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินกิจกรรมขององค์กร ซึ่ง ส.อ.ท. ได้ให้ความสำคัญต่อประเด็นดังกล่าว และพัฒนา Platform (FTIX) แพลตฟอร์มการซื้อขายพลังงานสะอาดและคาร์บอนเครดิต แพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนของเสีย หรือ Circular Material Hub (CMH) สำหรับเป็นช่องทางการนำของเสียหรือวัสดุไม่ใช้แล้วกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างงานผ่านสตาร์ทอัพ (Startup)
รวมถึงมีแหล่งทุนอินโนเวชั่นวัน (Innovation one) สำหรับให้ทุนในธีม BCG และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change) ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นกลไกสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมไทยก้าวข้ามความท้าทายทางเศรษฐกิจ โดยพัฒนาตนเองสู่ความยั่งยืนได้อย่างรวดเร็ว และเกิดความคล่องตัว
รศ.ดร.วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า วัตถุประสงค์การจัดงานในปีนี้ นอกจากจะเป็นงานสัมมนาวิชาการแล้ว จะเป็นการเผยแพร่ผลการดำเนินงานเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในระดับนิคมอุตสาหกรรมและโรงงานอุตสาหกรรม ยังเป็นการเชิดชูเกียรติแก่นิคมอุตสาหกรรม โรงงานอุตสาหกรรม และผู้เกี่ยวข้องที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนและพัฒนาอุตสาหกรรมสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอย่างยั่งยืน
สนับสนุนการดำเนินงานตามนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศไทย ด้วย BCG Model ของกระทรวงอุตสาหกรรม และการยกระดับเพื่อมุ่งสู่ Carbon Neutrality ซึ่งสอดรับกับวิสัยทัศน์ “นำนิคมอุตสาหกรรมสู่มาตรฐานสากล ด้วยนวัตกรรมอย่างยั่งยืน” ของ กนอ. มุ่งมั่นที่จะเพิ่มคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย สังคม และสิ่งแวดล้อม บนหลักธรรมาภิบาล ด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ภายในงานมีการมอบโล่เกียรติยศและประกาศเกียรติคุณประจำปี 2566 โดยเป็นรางวัลสำหรับนิคมอุตสาหกรรมที่ยกระดับเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ระดับ Eco-World Class 7 แห่ง ระดับ Eco-Excellence 22 แห่ง ระดับ Eco-Champion 39 แห่ง โรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) 50 แห่ง โรงงานเครือข่ายลดก๊าซเรือนกระจก ดีเด่น 6 แห่ง และวอเตอร์ฟุตพริ้น (Water Footprint) 16 แห่ง
อีกทั้งผู้เข้าแสดงความยินดีและการสัมมนาวิชาการ อีกกว่า 600 ราย รวมถึงมีการแสดงนิทรรศการต่างๆ อาทิ MIND INSPIRE ให้ หัว และ ใจ นำนิคมอุตสาหกรรมสู่มาตรฐานสากลด้วยนวัตกรรมอย่างยั่งยืน บูธแสดงผลงานด้าน Circular Economy การนำของเสียมาใช้ประโยชน์ เพิ่มคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปมาจากวัสดุเหลือใช้ และตัวอย่างโรงงานที่มีการดำเนินงานด้าน Industrial symbiosis