เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Nansa Naralyn ได้โพสต์ภาพพร้อมคลิปวิดีโอ เล่าถึงประสบการณ์การใช้ศูนย์บริการรถยนต์ยี่ห้อดังย่านรังสิตคลองสอง โดยกล่าวในคลิปวิดีโอว่า

“หลังจากที่ตนได้นำรถกลับจากศูนย์บริการ มีใบสั่งจับความเร็วเกินกว่ากำหนด สถานที่คือสามโคก จังหวัดปทุมธานี ตนจึงไปที่ศูนย์บริการ เพราะวันที่ในใบสั่งตรงกับวันที่รถอยู่ในศูนย์บริการ”

“ตนถามช่างว่าใครเป็นคนขับ ช่างรับว่าเป็นคนขับเพียงคนเดียว ตนถึงจึงถามว่าขับไปที่ไหน ช่างพูดวกวนแต่ระบุได้สองสถานที่คือ คลองหลวง และพหลโยธินออกไปทางเชียงราก ตนจึงถามย้ำว่าแน่ใจไหมเพราะเห็นว่าไม่ตรงกับในใบสั่ง ช่างบอกว่าขับไปไกลหน่อยคืออยุธยา ตนจึงถามว่าศูนย์บริการอยู่คลองสอง ต้องขับไปไกลขนาดนั้นเลยหรือ”

“ช่างตอบว่าเป็นการลองรถระยะไกล ซึ่งตนไม่รู้ว่าการลองรถมีแบบนี้จริงหรือไม่ ตนก็นำใบสั่งให้ดู พร้อมถามว่ารถไปอยู่ที่สามโคกได้อย่างไร ช่างจึงตอบว่าขากลับวนรถจากอยุธยากลับมาทางสามโคก ก่อนจะรับผิดชอบในใบสั่งใบนี้ ส่วนทางผู้จัดการก็จะรับผิดชอบใบสั่งนี้เป็นเงินห้าร้อยบาท”

“ตอนเราพูดคุยกับช่าง ผู้จัดการก็อยู่บริเวณนั้นแต่ไม่ได้ออกมารับผิดชอบอะไร ก่อนหน้านี้ก็เคยมีปัญหาแต่ไม่มีการรับผิดชอบใดเช่นกัน ตนจึงอยากให้ทางรถยนต์ยี่ห้อนี้รู้ว่ามีศูนย์บริการแบบนี้ อยากให้มีการอบรมพนักงานให้มีจรรยาบรรณ ให้ทำงานอย่างรู้หน้าที่ตัวเอง รู้วิธีพูดจากับลูกค้า และให้ได้มาตรฐานเหมือนศูนย์บริการอื่นเขา”

“สุดท้ายตนอยากฝากเรื่องคอลเซนเตอร์ด้วย เพราะโทรไปหลายรอบแล้วเป็นระบบอัตโนมัติ ฝากข้อความแล้วก็ปล่อยผ่านไป ส่งเรื่องไปเรื่องมา ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย”

หญิงสาวยังทิ้งท้ายอีกด้วยว่า “พอแล้วกับรถยนต์ยี่ห้อนี้ เข็ดแล้ว ทั้งศูนย์ใหญ่ศูนย์เล็ก”

ทั้งนี้ หญิงสาวยังโพสต์คลิปเล่าเหตุการณ์ที่เคยเจอปัญหากับศูนย์บริการรถยนต์ยี่ห้อดังย่านรังสิต เมื่อช่วงเดือนมกราคมด้วย

หญิงสาวกล่าวในคลิปวิดีโอว่า “เรื่องเกิดตั้งแต่เดือนมกราคม นำรถขับไปทำงานวันแรกแล้วเครื่องดับ จึงยกรถเข้าศูนย์บริการ ศูนย์บริการเช็กแล้วบอกว่าปกติ สามารถเอากลับมาใช้ได้เลย ตนจึงนำรถกลับมาใช้ แต่วันเดียวกันรถก็ดับบนเนิน เกิดอุบัติเหตุ แต่ไม่ได้ร้ายแรง”

“วันที่สองเข้าศูนย์บริการไปเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง พร้อมตำหนิว่าวันแรกมาเช็กแล้วทางศูนย์บอกว่าปกติดี ก็ต้องมั่นใจว่ารถใช้งานได้ ตนคุยทั้่งทางผู้จัดการและพนักงานทั่วไป แต่ไม่มีความรับผิดชอบใดๆ จากศูนย์”

“เมื่อเช็กรถในวันดังกล่าว พบว่าปั๊มติ๊กเสีย ศูนย์บอกว่าไม่ใช่ความรับผิดชอบ ตนจึงต้องชำระค่าซ่อมไปตามปกติ ค่าอะไหล่เจ็ดพันบาท และค่ายกรถทั้งวันแรกและวันที่สองรวมแล้วห้าพันบาท”

“เมื่อซ่อมเสร็จก็ไปรับรถตามปกติ ตนเห็นว่าน้ำหมด ตรวจดูแล้วพบว่ารถถูกขับไปสองร้อยถึงสามร้อยกิโลเมตร จึงถามพนักงานกับช่าง ช่างบอกว่าทดลองขับไปรวมประมาณ 80 กิโลเมตร ตนจึงถามว่าถ้าตนขับไม่ถึงบ้านจะทำอย่างไร เพราะฝั่งศูนย์บริการไม่มีปั๊มเลย พนักงานจึงมีท่าทีรำคาญและจะจ่ายค่าน้ำมันให้สามร้อยบาท”

“ตนไม่ได้ต้องการเงินค่าน้ำมัน แต่อยากให้ทางศูนย์บริการดูแลลูกค้าว่าจะขับรถไปอย่างไร ทั้งเมื่อกลับถึงบ้านเจอหมวกกันน็อกราคาเกือบสามหมื่นบาทวางไว้ในรถ พนักงานโทรมาบอกว่าวางหมวกกันน็อกผิดคัน ตนจึงคิดว่าเป็นความสะเพร่าของพนักงานเพราะรถยนต์แต่ละคันก็มีป้ายทะเบียนชัดเจน”

ล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 20 มี.ค. หญิงสาวโพสต์เฟซบุ๊กเล่าว่าก่อนจะไปศูนย์บริการรถยนต์ย่านรังสิตในวันที่ 19 มี.ค. ได้โทรศัพท์ไปทางศูนย์บริการหลายครั้งเพื่อที่จะคุยกับผู้จัดการ แต่โทรไปสามครั้ง พนักงานตอบไม่เหมือนกันสักครั้ง จนเกิดความสงสัยในการประสานงานของพนักงาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน