ขนหัวลุกไปตามๆกัน เมื่อ สมาชิกหมายเลข 1471163 เว็บไซต์ Pantip ได้ตั้งกระทู้ เรื่องเล่าน่ากลัว ” บ้านเพื่อน” รายละเอียดความหลอนระบุว่า สวัสดี เพื่อนๆ วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องสยองขวัญที่เจอกับตัวที่ทำให้ผมลืมไม่ลง ( โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ ) ( การกระทำของผมในบางอย่างอาจดูไม่เหมาะสม ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย )

ก่อนเล่าเรื่องผมขอกล่าวถึงตัวละครหลักในนามสมมุติของเพื่อนผมชื่อว่า ” เอ ” และ ” บี (เจ้าของ ID พันทิป) ”

ขอเท้าความ 3 อย่างก่อนนะครับ
1.ผม กับ เอ ผมเป็นเด็ก ตจว. แต่พ่อกับแม่มาทำงานที่ กทม. เลยมาเช่าบ้านอยู่ที่ กทม. ส่วนเอเป็นคนเชียงใหม่ แต่พ่อกับแม่ส่งให้มาเรียนและอยู่กับลุงกับป้าที่ กทม. บ้านเช่าที่ผมอยู่จะอยู่ซอยเดียวกับบ้านลุงและป้าของเอ ผม กับ เอ เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยประถม จึงทำให้ผมและเอ สนิทกันมาก ผมไปนอนบ้านมันบ่อยครั้ง เอ มันไว้ใจผมมาก เพราะผมช่วยมันดูแลบ้านตลอด เพราะผมก็พอจะมีจิตสำนึกนิดนึงว่ามาอาศัยบ้านเค้าก็ต้องช่วยเค้าหน่อย ก็ช่วยงานบ้านนิดๆหน่อยๆ มันให้ผมพกกุญแจบ้านไว้ 1 ชุด แต่แค่ ประตูหน้าบ้าน กับ ประตูห้องของ เอ

2.บ้านของเอ บ้านของ เอ จะเป็นบ้านชั้นเดียวเนื้อที่ไม่ใหญ่ ประตูทางเข้าเป็นลูกกรงเหล็กดัด เมื่อเปิดประตูหน้าบ้านไป ก็จะเจอ ทางเข้าบ้านซึ่งเป็นห้องโถง ที่ ลุง กับ ป้า ของ เอ เค้าจะอยู่กัน ซึ่ง เอ จะไม่ให้เราเข้าทางนั้น เพราะ ลุง ไม่ชอบให้คนนอกมาเดินผ่าน นอกจากจะเป็นแขกของ ลุง กับ ป้า พวกเราจะเดินเข้าด้านข้างคือ เมื่อเข้าประตูหน้าบ้านแล้ว ระหว่าง ประตูหน้าบ้าน กับ ประตูห้องโถง จะมีทางเดินกว้างประมาณ 1 เมตรเดินไปทางด้านซ้ายของตัวบ้าน ซึ่งด้านซ้ายของตัวบ้านก็จะมีเนื้อที่กว้างอีกประมาณ 1.5 เมตร แล้วจะเจอประตู เข้าห้องนั่งเล่น ซึ่งห้องนั่งเล่นมันสามารถทะลุกับห้องโถงได้ ซึ่งเวลาที่เราไปกันก็จะแบ่งกันเป็น 2 กลุ่ม 1. นั่งเล่นคอม เล่นเกมกันที่ห้องนั่งเล่น 2. เข้าไปนอนดูหนังในห้อง เอ ซึ่งห้องนั่งเล่นกับห้องของ เอ จะติดกับห้องนั่งเล่นเลย

3.ลุงและป้าของเอ ลุงและป้าของ เอ แกอายุประมาณ 60+ >>> ลุงของ เอ แก ไม่สบาย ผมไม่รู้ว่าแกเป็นโรคอะไร แต่แกจะมีกิจกรรมแปลกๆที่แกทำคือ แกจะยืนกางแขนแล้ว แล้วก็ตะโกนดังๆว่า ” ออกไป ” เสียงดังมาก ระยะห่างของการตะโกน ประมาณ 30 วิ ยืนทำอย่างนั้นประมาณ 30 นาที ซึ่งแรก ๆ ที่พวกเราไปบ้าน เอ เราก็ตกใจว่าแกเป็นอะไร ไม่รู้ว่าเค้าไล่พวกเราหรือไล่โรค >>> ส่วนป้า ของ เอ แกเป็นอัลไซเมอร์ แกจะชอบมาถามหา เอ บ่อยครั้ง เวลาแกไม่เห็นหน้า เอ ถามจนเราแอบขำไม่ได้ ยกตัวอย่างเหตุการณ์ ผมนั่งเล่น คอม ของ เอ อยู่และ เอ ก็อยู่ในห้องนอนของมัน ป้าแกจะมาถาม “เอ ไปไหน ? ” ผมก็บอก ” อยู่ในห้องครับป้า ”

แล้วแกก็เดินไปดูในห้องเอ แกก็เจอ เอ นะแล้วแกก็ถาม เอ ” กินข้าวยัง ? ” แล้วแกก็กลับไปนั่งห้องโถงบ้าน แล้วประมาณสัก 20 นาที แกก็จะเดินมาถามอีก ” เอ ไปไหน ? ” วันนึงแกจะถามแบบนี้ 5 – 6 รอบ แต่ป้าแกเป็นคนน่ารัก ตัวเล็กๆ เสียงเล็กๆ ผมเคยคุยกับแกบ่อยครั้ง แกจะชอบเล่าเรื่องสมัยสาวๆ ลุงพาแกไปเที่ยวนู้นนี่ วาเลนไทน์ก็ซื้อดอกไม้ให้นู่นนี่นั่น ผมก็ไม่เข้าใจเรื่องอื่นๆแกกลับลืมแม้แค่เพิ่งคุยไปเมื่ิอกี้ก็ยังลืม แต่เรื่องที่แกจำได้แม่นคือเรื่องลุง ส่วนตัวลุงผมไม่เคยคุยด้วยเพราะแกดูเป็นคนดุๆเลยไม่กล้าเข้าไปคุย

ผมขอเริ่มเรื่องเลยนะครับ ปัจจุบันผมอายุ 25 ปีนะครับ ย้อนไปเมื่อสมัย ม.ปลาย ผมเรียนอยู่ ร.ร. ชายล้วนแห่งหนึ่งใน กทม. นะครับ กลุ่มเพื่อนพวกเราก็จะเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ซึ่งเวลาพวกเราโดดเรียนกัน ก็จะไปบ้าน เอ ตลอด เพราะบ้านของ เอ เค้าค่อนข้างจะฟรีสไตล์ เพราะเค้าอยู่กับ ลุง และ ป้า ซึ่งแกจะไม่ค่อยสนใจ เอ สักเท่าไหร่ ปล่อยตามสบาย แค่ให้ เอ มันเอาตัวให้รอดเป็นพอ ซึ่งบ่อยครั้งที่เวลาเราโดดเรียนกันไปบ้าน เอ ก็จะไปกันไม่ต่ำกว่า 10 คน ด้วยความที่เป็นวัยรุ่น ก็จะคุยกันเสียงดังรบกวน ลุง และ ป้า ของ เอ มาก จึงทำให้ทุกครั้งที่พวกเราไปบ้าน เอ ลุงแกจะชอบมาด่าเหมือนแกไม่พอใจที่ เอ พาเพื่อนมาบ้านเยอะ แต่พอ เอ ไปเคลียร์แกก็จะนิ่งๆไป

แต่บางครั้งก็จะมีปากเสียงกันนิดหน่อย พอมีเริ่มมีปากเสียงกันบ่อย ลุงแกก็จะล็อคประตูหน้าบ้านเพื่อไม่ให้พวกผมเข้า เวลาพวกเพื่อนมาก็จะเข้าไม่ได้ ต้องโทรให้ เอ มันมาเปิดให้ แต่ถ้าเพื่อนๆมาพร้อมผม ก็จะเข้าได้เลย เพราะผมมีกุญแจ ( นี่คือเหตุผลจากจุดเท้าความข้อ 1 ) แต่ทุกครั้งที่เราเข้าบ้าน เอ เราก็จะรีบเดินเลี้ยวซ้าย แล้วไปเข้าประตูห้องนั่งเล่นทันที ไม่แวะสวัสดีลุงและป้า เพราะกลัวจะโดนไล่ตะเพิดออก จนเวลาผ่านไปพวกจนเรียนจบมัธยม พวกเราก็แยกย้ายไปเรียนมหาลัย ตัวผมได้ไปเรียนมหาลัยที่ ตจว. ด้วยความที่พ่อกับแม่ผม แกกลับมาอยู่บ้าน ส่วน เอ นั้นเรียนต่อ มหาลัยเอกชน ที่ กทม พอเราเริ่มเรียนมหาลัย เวลาในการนัดเจอกัน ติดต่อกัน ในกลุ่มเพื่อน ก็น้อยลงจึงทำไม่ค่อยได้รู้เรื่องราวของเพื่อนแต่ละคนสักเท่าไหร่

จนเรียนถึงปี 2 กำลังจะขึ้นปี 3 ช่วงปิดเทอมผมก็มา กทม. เพื่อจะมานัดเจอกับเพื่อนกลุ่มมัธยม แต่ตอนมา กทม. ผมติดต่อใครไม่ได้เลย เพราะผมไม่มีเบอร์ติดต่อใครเลย แม้แต่ เอ เองเพราะผมเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์กับซื้อโทรศัพท์ใหม่ด้วย จึงทำให้เบอร์ติดต่อเพื่อนๆก็หายไป แต่ด้วยความที่ผมสนิทกับเอที่สุด ผมจึงมุ่งไปที่บ้านเอ เป็นที่แรก เผื่อเจอ เอ จะได้ให้มันช่วยกันโทรนัดเพื่อนๆมารวมกัน เพราะมันเรียนอยู่ กทม. น่าจะยังได้ติดต่อกับเพื่อนๆในกลุ่มบ้าง พอไปถึงบ้านเอประมาณ 1 ทุ่มเป็นตรงห้องนั่งเล่นมันปิดไฟมืด เลยคิดว่า เอ มันน่าจะอยู่ในห้องนอน เมื่อเดินไปประตูหน้าบ้าน ก็จะมองเห็นห้องโถง ที่ลุงกับป้าเค้าอยู่ เห็นว่าเปิดไฟอยู่ และลุงกับป้าก็นั่งอยู่ ผมก็เปิดประตูเข้าไปแต่ว่าล็อค

แต่ด้วยว่ากุญแจที่ เอ มันให้ไว้ผมยังมีอยู่ ก็ไขเข้าไป แล้วก็สวัสดี ลุงกับป้า แล้วผมก็ล็อคประตูให้แก แกก็นิ่งๆนะไม่ด่าไม่อะไรผม ผมก็เดินเลี้ยวซ้ายไปเข้าห้องนั่งเล่น แล้วก็เปิดไฟ แล้วก็ไปดูห้อง เอ ว่ามันอยู่ไหม ?? สรุปมันไม่อยู่ ผมก็เลยคิดว่าเดี๋ยวมันก็คงกลับ ผมจึงไปเปิดคอมที่ห้องนั่งเล่น แล้วก็นั่งเล่นคอม รอ เอ มันกลับบ้าน จนสักประมาณ 4 ทุ่มผมก็เห็นลุงของ เอ เดินมาที่ทางเดินหน้าทางประตูห้องนั่งเล่น แล้วก็แกทำกิจกรรมที่แกชอบทำเหมือนที่ผมเคยเห็น คือ แกยืนกางแขน หันหน้าออกไปนอกบ้านแล้วก็ตะโกน ” ออกไป ” ทั้งๆที่ได้ยินบ่อยจนชิน แต่ด้วยเสียงที่ดัง มันก็มีก็บางครั้งก็สะดุ้งเหมือนกัน ผมก็ไม่สนใจอะไร ก็นั่งเล่นคอมต่อ แล้วป้าแกก็เดินมาหาผม มาถามผมว่า ” เอ ไปไหน ?? ”

ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะผมก็ไม่รู้ว่ามันไปไหน ?? จึงบอกแกไปว่า อ๋อ มันไปซื้อของข้างนอกครับป้า มันกำลังจะกลับ !! แล้วแกก็เดินกลับไปห้องโถงที่แกอยู่ ส่วนลุงก็ยังคงยืนตะโกน ” ออกไป ” อยู่เหมือนเดิม แต่ที่น่าแปลกใจคือทำไมวันนี้แกยืนนานจัง ตั้งแต่ 4 ทุ่มจนตอนนี้ประมาณเกือบ 5 ทุ่มแกก็ยังคงยืนตะโกนอยู่ ซึ่งในใจผมก็คิด ลุงไม่คิดว่าข้างบ้านจะมาด่าเลยรึไงหวะ ?? และในขณะนั้น ป้าของเอก็เดินมาหาผมแล้วถามคำถามเดิม ” เอ ไปไหน ?? ” ผมก็บอกเดี๋ยวมันก็กลับมาครับป้า แต่รอบนี้ป้าแกไม่เดินไปไหน แกยืนอยู่ข้างๆเยื้องๆหลังๆผมหน่อย ยืนอยู่อย่างนั้นเกือบ 10 นาทีส่วนเสียงของลุงก็ยังคงตะโกนอยู่ ด้วยความที่ผมลำคาน ผมจึงปิดคอม แล้วไปรอ เอ ในห้องมัน ก็เปิดหนังดูไปเรื่อย

ด้วยความที่ห้องมันปิดทึบและบวกกับเสียงหนังที่ผมดู จึงทำให้ผมแทบไม่ได้ยินเสียงภายนอกห้อง ผมนอนดูหนัง แล้วก็เผลอหลับไป แล้วผมก็สะดุ้งตื่นด้วยเสียงเคาะประตู ผมดูนาฬิกา เวลาประมาณ ตี 2 กว่าๆ ผมก็คิดว่า เอ มันกลับมาแล้ว ผมจึงบอก ” เอ จะเคาะทำไม บ้านนะเนี้ย เปิดเลย กูไม่ได้ล็อค ” หลังสิ้นเสียงผม ผมก็ได้ยินเสียงเบาๆว่า ” ออกไป ” ผมนึกในใจ ลุงแมร่งยังไม่หยุดตะโกนอีกหรอหวะ ไม่เกรงใจข้างบ้านเลยรึไง ?? แต่รอบนี้ทำไมรู้สึกเสียงมันเหมือนอยู่ในบ้าน หลังจากสิ้นเสียงลุง เสียงเคาะประตูก็ตามมาผมจึงลุกขึ้นไปเปิด สรุปว่าเป็นป้าแต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจและรู้สึกกลัวคือ ลุง ลุงยืนอยู่ข้างหลังป้าด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด แล้วป้าก็ถามว่า ” เอ ไปไหน ?? ” ตามด้วยเสียงของลุงตะโกนว่า ” ออกไป

แกพูดสลับกัน 2 คนไปมา ” เอ ไปไหน ?? ของป้า และเสียงตะโกนว่า ” ออกไป ” ของลุง ” ผมรู้สึกกลัวมาก รอบๆบ้านเงียบสงัด มีแต่เสียงลุงกับป้าที่ยังคงดังอยู่ ผมทนไม่ไหว แหวกทางป้ากับลุง จังหวะที่เดินจะพ้นจากป้าและลุง ป้าก็คว้าแขนผมแล้วถามว่า ” เอ ไปไหน ?? ” ต่อด้วยเสียงลุงที่หันหน้ามาและตะโกนว่า ” ออกไป ” ผมสะบัดมือป้าออก แล้วรีบวิ่งออกจากบ้านของ เอ แต่ด้วยที่เราล็อคประตูไว้ จึงทำให้เปิดไม่ได้ทันที จังหวะที่กำลังหากุญแจจะไขประตู เสียงลุงก็ตามมา ” ออกไป ออกไป ออกไป ออกไป ” อยู่ข้างหลังผม แกยืนอยู่ในห้องโถงที่แกชอบอยู่ แล้วตะโกนอยู่อย่างนั้น ส่วนป้าก็กำลังเดินมาหาผมพร้อมพูดว่า ” เอ ไปไหน ?? ” ผมลนมาก มือไม้สั่นไปหมด เสียบรูกุญแจ แทบไม่ไหว

หลังจากที่ผมก็หลุดมาจากตรงนั้น ผมก็ใส่เกียร์หมา วิ่งไปจนถึงปากซอยบ้านของ เอ ตรงปากซอยก็มี 7-11 อยู่ ผมจึงนั่งหน้า 7-11 ตั้งสติแล้วคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมป้าแกสติเลอะเลือนไปหมดแล้วหรอ ?? ทำไมลุงเค้าถึงทำแบบนั้นกับเรา หรือช่วงที่เราไม่ได้มาหา เอ 2 ปีก่อน เพื่อนเราคนอื่นๆ มาทำอะไรให้ลุงเค้าเกลียดพวกเรารึป่าว จนถึงขั้นต้องไล่ อย่างกับหมูกับหมาขนาดนี้ !! ตอนนั้นเวลาประมาณเกือบตี 4 ผมก็ไม่รู้จะไปไหนดี เนื่องจากบ้านเพื่อนที่สนิทที่สุด เพื่อนก็ไม่อยู่ แถมยังโดนไล่ออกมา ผมจึงนั่งอยู๋หน้า 7-11 จนเช้า แล้วผมก็ไปหา บี ซึ่งบ้านของ บี จะอยู่ หลัง รร มัธยม ที่เราเรียนกัน จึงเป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมพอจะไปหาได้ถูก

พอไปถึงบ้านบี ผมก็เจอมันช่วยแม่มันจัดร้าน ขายข้าวแกง ผมเดินเข้าไปหามัน พอมันเห็นผมมันถามผมว่า ” เห้ย !! ไปไงมาไงเนี้ย แล้วทำไมสภาพดูแย่จังหวะ ” ผมก็บอกเดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง มีเบอร์ ไอเอ ไหม ?? โทรหามันให้หน่อยแล้วบอกให้มันมาหาที่บ้าน กูขออาศัยนอนก่อน กูยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน !! บี มันก็บอก โอเคร ๆ ไปนอนก่อนเลย เดี๋ยวกูช่วยแม่กูขายของเสร็จ เดี๋ยวกูโทรบอก เอ มันให้ !! ผมตื่นมาตอนบ่าย 3 ก็เห็น เอ กับ บี มันนั่งคุยกันอยู่ผมก็รีบลุกขึ้นมาบอก เอ เมื่อคืนกูไปหาที่บ้านมา ลุงกับป้า ทำกูแทบบ้า และผมก็เล่าเหตุการณ์ให้มันฟัง

หลังจากที่ผมเล่าเสร็จ เอ มันก็ถามผมว่า ” เข้าบ้านไปได้ไง ” ผมก็ตอบมันว่า ” ก็ กุญแจที่ให้กูไว้ไง ” เอ มันก็บอกกับผมว่า ฟังกูนะ !! ลุง กูเสียไป 3 เดือนแล้วแกเป็นมะเร็ง ส่วนป้าหลังจากที่ลุงเสีย ป้าแกก็ไม่ยอมกินข้าวกินปลา จนร่างกายแย่ แล้วก็เสียตามลุงไปหลังจากลุงเสียแค่ 2 เดือน ส่วนตัวกูเองหลังจากที่ป้าเสีย ก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน กูไปนอนหอเพื่อน ด้วยที่กูไม่ค่อยอยู่บ้าน กูก็เลยเอาแม่กุญแจล็อคหน้าบ้านไว้ ซึ่งกุญแจนี้ไม่น่าจะมีนะ ผมช็อคไปแปปนึง แล้วก็บอกว่าอย่ามาตลก อำ เก่งนะไอฟาย ( แต่ใจผมนี้ตกไปอยู่ตาตุ่มแล้ว ) มันบอกถ้าไม่เชื่อไปบ้านกับกู ผม เอ และ บี ไปบ้านเอ พอไปถึงหน้าบ้าน ผมก็เห็นแม่กุญแจล็อคอยู่จริงๆ แล้ว เอ ก็ไขพาเข้าไปดูรูปลุงและป้า ที่เขียน ชาตะ มรณะ แขวนอยู่ที่ห้องโถง !! ผมถึงกับขาอ่อน ยกมือไหว้ รูป ลุง และ ป้า หลังจากวันนั้นผมไข้กินไป 3 วันแล้วผมก็ไม่เข้าไปเหยียบบ้าน เอ อีกเลย !!

ทุกวันนี้ ผมยังจำหน้า และ เสียง ของลุงและป้า ที่ยืนอยู่หน้าห้องของ เอ ได้ขึ้นใจ !!

ปัจจุบันนี้ เอ ย้ายกลับไปทำงานและอยู่กับพ่อกับแม่ที่เชียงใหม่แล้ว ส่วนบ้านลุงและป้า ก็ยังใช้อาศัยบ้างเวลามาเที่ยว กทม.

อ่านที่มา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน