เมล็ดพันธุ์ทางดนตรีมากฝีมือทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่กว่า 800 วงจากทั่วประเทศ ได้มีโอกาสได้โชว์ความสามารถบนเวทีประกวดวงดนตรีสากลคุณภาพระดับประเทศอย่าง ‘THE POWER BAND’ เวทีที่เปิดโอกาสให้เยาวชนและคนไทยได้ปลดปล่อยพลังทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ สร้างปรากฏการณ์แห่งความ ‘เป็น ไป ได้’ ให้เกิดขึ้น สานฝันคนดนตรีให้ก้าวสู่เส้นทางการเป็นศิลปินมืออาชีพ
โดยความร่วมมือระหว่าง คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย, วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และพันธมิตรค่ายเพลงชั้นนำมากมาย ซึ่งจัดมาแล้ว 3 ซีซัน ตั้งแต่ปี 2564 และล่าสุดกับการประกวด THE POWER BAND 2024 SEASON 4 ภายใต้แนวคิด ‘Let The Music Power Your World เป็นได้สุด เป็นไปได้ ด้วยพลังแห่งดนตรี’ ซึ่งกำลังนับถอยหลังสู่รอบชิงชนะเลิศในวันที่ 19-20 กันยายน 2567 ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
ทั้งนี้ การเพิ่มจำนวนของวงดนตรีที่สมัครเข้าประกวดอย่างต่อเนื่องในทุกปี สะท้อนถึงความสำเร็จของ ‘THE POWER BAND’ ได้เป็นอย่างดี ถือเป็นบทพิสูจน์ของนักดนตรีตัวจริงมากความสามารถที่เข้ามาประชันฝีมือ ซึ่งเวทีนี้เปิดโอกาสเต็มที่ไม่จำกัดเพศ อายุ แนวเพลง และทุกคนมีอิสระทางดนตรี ทำให้มีนักดนตรีสมัครเข้าประกวดอายุน้อยที่สุดเพียง 12 ปี และมากสุดถึง 46 ปี
ขณะเดียวกัน THE POWER BAND ยังเปิดแคมป์แห่งความรู้ ‘THE POWER BAND MUSIC CAMP’ โดยเชิญเหล่ากูรูทางดนตรีและศิลปินชื่อดัง มาถ่ายทอดเคล็ดลับและประสบการณ์ให้กับผู้เข้าประกวดที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศแบบเข้มข้น 3 วัน 2 คืน ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยาก พร้อมกับโอกาสพิเศษสำหรับผู้ชนะเลิศ นอกเหนือจากเงินรางวัลที่จะได้รับแล้ว ยังได้โอกาสออกซิงเกิลกับค่ายเพลงชั้นนำ และมีบทเพลงเป็นของตัวเองที่ได้รับการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ อีกด้วย
‘จากฝันสู่เวทีจริง’ โอกาสทองร่วมแสดงกับศิลปินชั้นนำระดับประเทศ
แม้ว่าจะไม่ได้เป็นวงที่ชนะการแข่งขัน แต่เพียงได้ก้าวเข้าสู่เวที ‘THE POWER BAND’ รอบแสดงสด ก็เปรียบเสมือนใบเบิกทางที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงฝีมือให้เข้าตา นำไปสู่การมีส่วนร่วมในงานแสดงดนตรีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงดนตรีในงานอีเวนต์ของ คิง เพาเวอร์, การร่วมแสดงในคอนเสิร์ต BODYSLAM ‘พูดในใจ’ THE B SIDE CONCERT ที่ทำให้ 5 เยาวชนมากความสามารถอย่าง ปณิชา มณีวรรณ และ สุทธิดา พันธ์ศรี จาก The PicLic Band รวมถึง พัสกร ศรีหะ, ทัตชัย ธรรมวงศ์ และ พิทวัส คุณชื่น จากวงอุดรพิทยานุกูล ได้โชว์ศักยภาพทั้งการร้องและเล่นดนตรีบนเวทีร่วมกับพี่ๆ บอดี้สแลม
นอกจากนี้ วง SG BAND จากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ยังได้รับโอกาสแสดงเป็นวงเปิดในงานวิ่งการกุศล ‘ก้าวต่อไปด้วยพลังเล็กๆ’ ของมูลนิธิก้าวคนละก้าว และยังได้เดบิวต์เป็นศิลปินในชื่อ KRYPTONYTE ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานอีกด้วย
มากกว่าเวทีประกวด คือ พื้นที่สร้างสรรค์และพัฒนาศักยภาพ
สุทธิดา พันธ์ศรี หรือ กิฟท์ เจ้าของรางวัล Outstanding และรองชนะเลิศอันดับ 1 จาก SEASON 2 เผยถึงความรู้สึกว่า ภูมิใจในตัวเองและทุกคน ไม่คิดว่าจะได้มาเป็นส่วนหนึ่งของเวทีใหญ่อย่าง THE POWER BAND ตอนแรกคิดว่าจะมาเอาแค่ประสบการณ์ แต่พอได้เข้าไปรอบชิงชนะเลิศแล้วก็เป็นอะไรที่สุดยอดมาก
“THE POWER BAND เป็นการประกวดที่ไม่เหมือนการประกวด เพราะได้ทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำหรือคิดว่าทำไม่ได้ ทั้งได้เจอเพื่อนใหม่จากการเข้าแคมป์ เรียนรู้กับศิลปิน โปรดิวเซอร์มืออาชีพ เรียนรู้งานเบื้องหลังว่าทำกันอย่างไร ได้คำแนะนำติชมเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไข เป็นเวทีที่ทำให้เด็กบ้านนอกได้มีโอกาสทำตามความฝัน ไม่ใช่แค่มาแข่งธรรมดาๆ แต่เป็นการเปิดโลกกว้างของการเป็นศิลปิน
“อยากให้ทุกคนที่รักในดนตรีได้มาประกวดเวทีนี้ เพราะเปิดประสบการณ์เยอะมากจริงๆ ถ้าอยากรู้ว่ามีอะไรพิเศษในเวทีนี้ ต้องมาเป็นส่วนหนึ่งของ THE POWER BAND ไม่ว่าผลจะออกมายังไง เราก็ได้มาแสดงศักยภาพและความรักในดนตรีของเราให้ทุกคนได้รู้แล้ว” สุทธิดา พูดเชิญชวน
ด้าน ชลธาร เซ็นเชาวนิช หรือ บาร็อก ตัวแทนจากวงเตรียมอุดมศึกษา วงชนะการประกวดรุ่นมัธยมศึกษา SEASON 3 เจ้าของซิงเกิล ‘แค่มีเธอตรงนี้’ บอกว่า การได้เป็นส่วนหนึ่งของ THE POWER BAND นับว่าเป็นเกียรติอย่างมาก เพราะเป็นเวทีระดับประเทศ ซึ่งการเข้าร่วม THE POWER BAND ทำให้คนรู้จักวงเตรียมอุดมศึกษาและโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษามากขึ้น ได้ประสบการณ์จากการทำงานเป็นทีม การคิดเพลง วางแผน แก้ไขปัญหา และวินัยในการซ้อม อาจมีความคิดเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่ก็ขาดใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้
“แม้ว่าแต่ละวงจะเป็นคู่แข่งกัน แต่ท้ายที่สุดสิ่งที่ทุกคนมีให้กันคือ มิตรภาพที่ดี ที่สำคัญสิ่งที่ได้จากเวทีนี้คือได้รับโอกาส ในฐานะแชมป์ต้องบอกว่าได้รับโอกาสอย่างมากมาย ทั้งโอกาสต่างๆ จาก คิง เพาเวอร์ การได้ทำเพลงร่วมกับพี่ติ๊ก-กฤษติกร พรสาธิต หรือ ติ๊ก Playground และ Muzik Move ทั้งยังทำให้ทุกคนได้เห็นว่าดนตรีนั้นอิสระ เครื่องดนตรีไทยก็ทำให้วงดนตรีสากลกลมกล่อมขึ้น และออกมาเป็นชิ้นงาน masterpiece ได้
“นับเป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาตัวเอง ผมอยากบอกทุกคนว่า อย่ารอที่จะพร้อม อย่ารอที่จะต้องสมบูรณ์แบบ ขอแค่ลงมือทำ ความฝันก็อยู่ไม่ไกล THE POWER BAND รอทุกคนอยู่ แสดงให้ทุกคนเห็นว่าคุณมีของ ผมทำได้ ทุกคนก็ทำได้ ทุกอย่าง ‘เป็น ไป ได้’ ” ชลธาร เผย
ส่วนหนุ่มๆ จากวง KRYPTONYTE ศิลปินรุ่นใหม่ที่ได้รับโอกาสจากการประกวด THE POWER BAND กล่าวว่า ประทับใจกับทุกอย่างที่ THE POWER BAND จัดขึ้น โดยเฉพาะ THE POWER BAND MUSIC CAMP มีวิทยากรและศิลปินมาให้ความรู้หลากหลายมุม ได้ประโยชน์และสนุกมาก ทั้งยังได้เพื่อนใหม่ที่เก่งกันทุกคน ทำให้ต้องกลับไปฝึกฝนและพัฒนาฝีมือตัวเองให้ดีขึ้น
“THE POWER BAND เป็นเวทีที่มอบประสบการณ์ให้พวกเรามากมายที่ไม่เคยได้จากที่ไหนมาก่อน เป็นความทรงจำที่ไม่มีวันลืม ที่สำคัญเป็นพื้นที่แห่งโอกาสที่แท้จริง โอกาสที่เรียกว่าเปลี่ยนชีวิตของพวกเราได้เลยนั่นคือ การได้ร่วมกับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่อย่าง Move Records ซึ่งพวกเราทุกคนดีใจและภูมิใจเป็นอย่างมาก พวกเราอยากบอกเพื่อนๆ ที่รักในเสียงดนตรีเหมือนกันว่า อยากให้มาเป็นส่วนหนึ่งของ THE POWER BAND มาทำตามความฝันแบบพวกเรา เป็นได้สุด เป็นไปได้ ด้วยพลังแห่งดนตรี อะไรก็เกิดขึ้นได้ในเวทีแห่งนี้” หนุ่มๆ จากวง KRYPTONYTE ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์
‘THE POWER BAND’ ถือเป็นเวทีแห่งโอกาสที่เปิดให้เหล่าคนดนตรีได้แสดงศักยภาพ สั่งสมประสบการณ์ และเติมเต็มความฝันในการก้าวสู่เส้นทางสายดนตรีมืออาชีพ ได้แสดงพลังแห่งความเป็นไปได้ The Power of Possibilities ซึ่งนับว่ามีความหมายและคุณค่าอย่างยิ่งต่อเมล็ดพันธุ์ทางดนตรีทุกคน
ความสำเร็จของ THE POWER BAND ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมและดำเนินมาจนถึง SEASON 4 เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงคุณภาพและความสำคัญในฐานะเวทีประกวดวงดนตรีสากลคุณภาพระดับประเทศที่ครองใจคนดนตรีทั่วประเทศ แล้วดาวดวงใหม่ที่จะเฉิดฉายบนเส้นทางสายดนตรีจากการประกวด THE POWER BAND 2024 SEASON 4 จะเป็นวงไหนนั้น ติดตามชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันและการประกาศผลรางวัลได้ในวันที่ 19-20 กันยายน 2567 ทาง Facebook : King Power Thai Power พลังคนไทย