ภาคธุรกิจไทย ถก นิวซีแลนด์ เพิ่มโอกาสทางการค้า-การลงทุน หนุนสร้างธุรกิจแข็งแกร่ง
นิวซีแลนด์ นับเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ทำการค้ากับไทยมายาวนาน โดยข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นคู่ค้าอันดับที 33 ของไทยและไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 6. ของนิวซีแลนด์ มีแนวโน้มทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สอดคล้องกับข้อมูลจาก สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงแคนเบอร์รา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยว่า ในปี 2566 ภาพรวมการส่งออกสินค้าเกษตรกรรมทั้งหมดจากไทยมายังนิวซีแลนด์มีมูลค่า 1,660.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.55 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.82 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้มีการส่งออกสินค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังมากที่สุด มูลค่า 926.48 ล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 55.78 มูลค่าเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 105.82 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.89 และลำดับที่สองได้แก่สินค้าข้าว มูลค่า 407.50 ล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 24.54 นอกจากนี้ยังพบอีกว่า ในปี2566 ที่ผ่านมาภาพรวมการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรไทยมายังนิวซีแลนด์มีมูลค่า 5,907.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 709.88 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.66 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ รายงานว่า ไทยมีการส่งออกสินค้าอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปมากที่สุด มูลค่า 1,320.33 ล้านบาท ยานยนต์ เครื่องจักรและอุปกรณ์ เครื่องโทรศัพท์ไร้สายแร่เชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์พลาสติก ตามลำดับ
ส่วนสินค้านำเข้าที่ไทยไทยนำเข้าจากนิวซีแลนด์ คือ การส่งออกนมและผลิตภัณฑ์นม เนย ไขมัน เป็นต้น สำหรับยุทธศาสตร์การค้าระหว่างประเทศของไทย จะเร่งรัดขยายตลาดส่งออกเชิงรุก แสวงหาพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อขยายตลาดส่งออก
มุ่งเน้นตลาดสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (BCG) ตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพ (สินค้าผู้บริโภคและสัตว์เลี้ยง) ส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหาร เน้นนโยบาย Zero Waste ในสินค้าเกษตรและตลาดโปรตีนทางเลือกสนับสนุนการใช้ Soft power เพื่อกระตุ้นความต้องการสินค้า/บริการของไทยใน 11 สาขาและประชาสัมพันธ์ตราสัญลักษณ์ Thai Select ให้เป็นที่ รู้จักแพร่หลาย .
จากข้อมูลเบื้องต้นจะเห็นได้ว่าการค้าระหว่างไทย และนิวซีแลนด์ มีทิศทางที่เติบโต จึงทำให้ล่าสุดได้มีการจัดงานงานสัมมนาจับคู่ธุรกิจไทย-นิวซีแลนด์เพิ่มโอกาสทางการค้า-การลงทุน หนุนสร้างธุรกิจแข็งแกร่ง
ซึ่งไทยพร้อมเดินหน้าขยายฐานการผลิตในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องนำโดยบริษัท รีโว่เมด กรุ๊ป จำกัด (Revomed Group) ผ่านวิสัยทัศน์ของแม่ทัพใหญ่อย่าง “ดร.วาสนา อินทะแสง” ประธานกรรมการบริหาร โดยที่ผ่านมาก็ได้ทุ่ม 1,400 ล้านบาท ตั้งโรงงาน “Revomed New Zealand” บนพื้นที่กว่า 90 ไร่ ขยายฐานการผลิตนมแพะและอาหารเสริม พร้อมรุกตลาดเอเชีย-แปซิฟิก อเมริกา ยุโรป ขึ้นแท่นเป็น “คนไทยคนแรก” ที่เปิดบริษัทและขยายฐานผลิตในนิวซีแลนด์
อย่างไรก็ตามงานนี้ได้รับเกียรติจาก “สมาคมธุรกิจนิวซีแลนด์ – ไทย (New Zealand – Thailand Business Association – NZTBA)” จากการสนับสนุนของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน เข้าร่วมงาน “Thailand-New Zealand Business Matching 2024” งานสัมมนาจับคู่ธุรกิจระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ เพื่อเป็นการส่งเสริมและขยายความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน สร้างโอกาสทางธุรกิจ รวมถึงสนับสนุนให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ระหว่างกัน
สอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริมการค้าทวิภาคีของทั้งสองประเทศ โดยมีบริษัทชั้นนำของนิวซีแลนด์และของไทยเข้าร่วมงานอย่างมากมาย อาทิ ธนาคาร ANZ – บริษัท Private Capital – สมาคมนวัตกรรมเกษตรAgritech ของนิวซีแลนด์ – กลุ่มบริษัท New Image Group – เครือเจริญโภคภัณฑ์ – ไทยเบฟเวอเรจ – Berli Jucker – K Asset และ Revomed
โดยงานนี้ได้มีการเซ็นบันทักข้อตกลงเพื่อสร้างความร่วมมือในการจับคู่ธุรกิจ ระหว่างเอกชนไทยและนิวซีแลนด์ พร้อมทั้งได้นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่าง “ดร.วาสนา อินทะแสง” มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ ในฐานะที่เป็นผู้ที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมธุรกิจสุขภาพและความงาม ที่มีฐานการผลิตในนิวซีแลนด์และเติบโตเป็นที่ยอมรับในระดับโลก
“ดร.วาสนา อินทะแสง” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท รีโว่เมด กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า รีโว่เมด กรุ๊ป ผู้ผลิตที่อยู่เบื้องหลังสินค้าเพื่อสุขภาพ และความงามหลายแบรนด์ดังทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทที่มีการเติบโตหลังจากที่ไปขยายฐานการผลิตในประเทศนิวซีแลนด์ และงานนี้ก็เป็นขั้นแรกสำหรับโอกาสในการส่งเสริมและขยายความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน สร้างโอกาสทางธุรกิจ โดยนิวซีแลนด์และไทย เป็น 2 ประเทศที่มีนักธุรกิจที่มีศักยภาพ พร้อมจะแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และให้ข้อแนะนำเกี่ยวกับการริเริ่มและร่วมมือทางธุรกิจเพื่อการขยายการค้าการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศ
“หลังจากนี้เราก็ยังคงเดินหน้าขยายฐานการผลิตในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง บนความมุ่งมั่นสร้างสรรค์สินค้านวัตกรรม มาตรฐานสากล เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดโลก และในปีหน้าก็จะมีโปรเจกต์กับอีกหลายประเทศทั่วโลก เพื่อเป็นการเน้นย้ำและส่งเสริมให้เราเป็นผู้นำอุตสาหกรรม OEM (Original Equipment Manufacturer) และ ODM (Original Design Manufacturer) อย่างแท้จริง”
ด้าน “ช่อทิพย์ เคลกก์” ตัวแทนประธานบริหาร “New Image Group” ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและโภชนาการจากนิวซีแลนด์ ที่ได้ขยายธุรกิจในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 และเป็นในสมาชิกของ “สมาคมธุรกิจนิวซีแลนด์ – ไทย (New Zealand – Thailand Business Association – NZTBA)” ซึ่งกล่าวว่า “ที่ผ่านมา New Image Group ได้มอบโอกาสให้ผู้ที่สนใจสามารถเป็นผู้จัดจำหน่ายอิสระและสร้างธุรกิจของตนเองผ่านผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพหลากหลายประเภท ด้วยความมุ่งมั่นในด้านนวัตกรรมและคุณภาพ
สอดคล้องกับนโยบายการสร้างความร่วมมือระหว่างไทยและนิวซีแลนด์ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม และก้าวต่อไป New Image Group ได้ขยายตลาดกลุ่มนมผงเด็กและนมแพะ แบรนด์ดังจากนิวซีแลนด์ Symbiotics เพื่อสุขภาพองค์รวมในประเทศไทยผ่านช่องทางร้านยาและโรงพยาบาล รวมถึงการขยายฐานผลิตในประเทศนิวซีแลนด์ร่วมกับทางรีโว่เมดกรุ๊ป
ทั้งนี้การขยายฐานการผลิตในนิวซีแลนด์ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของเราบนเวทีโลก แต่ยังเปิดโอกาสให้เราเข้าถึงทรัพยากรและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมระดับพรีเมียม ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและความงาม เรามั่นใจว่าความร่วมมือครั้งนี้จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของเราในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และเป็นก้าวสำคัญในการขยายสู่ตลาดโลกอย่างมั่นคง และยั่งยืน