‘ทวี สอดส่อง’ นำ นิติจิตวิทยา มาปรับใช้ในระบบยุติธรรม เร่งเชื่อมโยงฐานข้อมูลผู้กระทำผิดกับฐานข้อมูลกองทุนยุติธรรม ผลักดันภารกิจช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 5 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ประชุมหารือกรอบเเนวทางในการประยุกต์ใช้องค์ความรู้เเละพัฒนาเครื่องมือ “นิติจิตวิทยา” (Forensic Psychology) มาปรับใช้ในกระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา
โดยมี นางจิรภา สินธุนาวา รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย นายนิยม เติมศรีสุข ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นางสาวศิริประกาย วรปรีชา ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม นางธารินี แสงสว่าง ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม ผู้แทนหน่วยงานกลุ่มภารกิจด้านพัฒนาพฤตินิสัย สำนักงานกิจการยุติธรรม
ทั้งนี้ ด้วยสถานการณ์ผู้ป่วยจิตเวช ทั้งที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมและอยู่ในระบบการบริการสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุขมีจำนวนมาก กระทรวงยุติธรรมจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีเครื่องมือหรือองค์ความรู้สำหรับใช้วิเคราะห์เพื่อคัดแยก/จำแนกกลุ่มคนที่มีอาการป่วยซึ่งไม่ได้เกิดจากการใช้สารเสพติด และอาการจิตเวชที่เกิดจากการใช้สารเสพติด
รวมถึงการวิเคราะห์ถึงสาเหตุและพฤติการณ์ในการกระทำผิด เพื่อวางแผนแก้ไขฟื้นฟูรายบุคลให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปัญหา ซึ่งจะสามารถช่วยป้องกันหรือลดการกระทำผิดหรือก่อเหตุซ้ำได้ “นิติจิตวิทยา” (Forensic Psychology) จึงมีบทบาทสำคัญที่ใช้ในการประเมิน ให้ความเห็น และวิจัยในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในด้านจิตวิทยาและกฎหมาย
ดังนั้น เพื่อยกระดับงานด้านการดูแลผู้กระทำผิด ผู้ต้องขัง เด็กและเยาวชน ผู้ถูกคุมความประพฤติที่มีอาการทางจิตเวชที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงยุติธรรม จึงต้องพัฒนาศักยภาพ ทักษะและองค์ความรู้ของบุคลากรในหน่วยงานกลุ่มภารกิจด้านพัฒนาพฤตินิสัยและหน่วยงานอื่นในกระทรวงยุติธรรม
ในวันเดียวกัน พ.ต.อ.ทวี เป็นประธานการประชุมหารือเรื่องการเชื่อมโยงฐานข้อมูลผู้กระทำผิดกับฐานข้อมูลการให้ความช่วยเหลือประชาชนของกองทุนยุติธรรม โดยมี นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนางสาวธนวรรณ ท้วมยิ้ม ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายวรพล ชินเพชร ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนยุติธรรม เข้าร่วม
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า การเชื่อมโยงฐานข้อมูลผู้กระทำความผิดกับฐานข้อมูลการให้ความช่วยเหลือประชาชนของกองทุนยุติธรรม เพื่อให้ได้รับทราบถึงจำนวนผู้กระทำผิด และผู้กระทำผิดซ้ำ โดยนำมาเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของคณะอนุกรรมการฯ ทั้ง 77 จังหวัด เพื่อให้รับรู้ว่าผู้ที่มาขอความช่วยเหลือเคยเป็นผู้กระทำความผิดหรือไม่
นอกจากนี้ การเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าวยังได้รับประโยชน์ในการจำแนกข้อมูลการให้ความช่วยเหลือในการดำเนินคดี การขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลย การละเมิดสิทธิมนุษยชน และการให้ความรู้ทางกฎหมาย
โดยกระทรวงยุติธรรมจะต้องขับเคลื่อนภารกิจเพื่อให้ความยุติธรรมกินได้ และให้ความยุติธรรมเดินทางไปหาประชาชน อีกทั้งเป็นการผลักดันภารกิจการให้ความช่วยเหลือประชาชนให้ประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม