รำลึกพระพรหมกวี วัดโมลีโลกยาราม

คอลัมน์ อริยะโลกที่ 6

รำลึกพระพรหมกวี วัดโมลีโลกยาราม – พระพรหมกวี (วรวิทย์ คังคปัญโญ) อดีตเจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยาราม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ และอดีตเจ้าคณะภาค 10 พระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธา โดยเฉพาะชาวชุมชนบางกอกใหญ่

มีนามเดิมว่า วรวิทย์ ธรรมวรางกูร เกิดเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.2476 ที่บ้านหมู่ที่ 9 ต.นนทรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี บิดา-มารดา ชื่อ นายคำมาและนางคำ ธรรมวรางกูร

ในช่วงวัยเยาว์ ศึกษาจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนประชาบาลวัดหนองบัว ต.นนทรี อ.กบินทร์บุรี

ต่อมา ได้เข้าพิธีบรรพชา เมื่อวันที่ 28 พ.ค.2467 ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์

รำลึกพระพรหมกวี

อายุครบ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 26 พ.ค.2496 ที่พัทธสีมาวัดอินทรแบก อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี มี พระวิสุทธิธรรมาจารย์ (ทรัพย์) วัดใหม่กรงทอง อ.ศรีมหาโพธิ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ.2499 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก และสอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค จากสำนักเรียนคณะจังหวัดปราจีนบุรี

ครั้นต่อมา ได้เดินทางเข้ามากรุงเทพฯ เพื่อศึกษา พระปริยัติธรรมขั้นสูง โดยอยู่จำพรรษาที่วัดมหาธาตุ ยุวราชรังสฤษฎิ์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ พ.ศ.2506 สามารถสอบได้เปรียญธรรม 8 ประโยค จากสำนักเรียนวัดมหาธาตุ

สร้างคุณูปการแด่คณะสงฆ์อย่างมากมาย อาทิ งานด้านการศึกษา งานด้านสาธารณูปการ งานเผยแผ่พระพุทธศาสนา ฯลฯ

ลำดับสมณศักดิ์และลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2517 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระศรีสุธรรมมุนี ในปีเดียวกัน ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ

พ.ศ.2523 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชเมธี

พ.ศ.2539 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพปริยัติสุธี

ในช่วงปี 2540 ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยาราม เขตบางกอกใหญ่ ว่างลง คณะสงฆ์ได้มอบหมายให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อไป

พ.ศ.2545 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมปริยัติโสภณ

พ.ศ.2553 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นรองสมเด็จพระราชาคณะที่ พระพรหมกวี

ทั้งนี้ พระพรหมกวี เป็นพระผู้ที่มีความสามารถทางด้านการศึกษา จนได้รับการยกย่องว่าเป็นปราชญ์ทางการศึกษา โดยเฉพาะการจัดสำนักนักเรียนวัด โมลีฯ ให้เกิดระบบแบบแผน

นอกจากนี้ พระพรหมกวี มีผลงานด้านการเขียนหนังสือมากมาย อาทิ ได้รวบรวมและเรียบเรียงหนังสือเกี่ยวกับการปกครองคณะสงฆ์ และการศาสนศึกษาไว้หลายเรื่อง เช่น การพัฒนาพระสังฆาธิการ รวบรวมพระราชบัญญัติ 3 ฉบับ กฎมหาเถรสมาคม กฎระเบียบกระทรวง ระเบียบมหาเถรสมาคมและกฎองค์การ คำสั่งมหาเถรสมาคม และข้อบัญญัติอื่นซึ่งเกี่ยวกับการคณะสงฆ์ไว้เป็นภาคที่ 1 และเรียบเรียงภาคปฏิบัติอันประกอบด้วยงานสารบรรณ และวิธีปฏิบัติงานของคณะสงฆ์ ตามลักษณะ

ตลอดชีวิตของเจ้าประคุณพระพรหมกวี ท่านได้ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจให้แก่การศึกษา โดยเฉพาะการศึกษาสงฆ์ ทำให้วงการศึกษาสงฆ์เจริญก้าวหน้าตามลำดับ สามารถสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

กระทั่ง เมื่อวันที่ 19 ก.พ.2554 พระ พรหมกวี มรณภาพอย่างกะทันหัน ด้วยวัยวุฒิ 78 ปี พรรษา 58 ภายหลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ของคณะสงฆ์ภาค 10 ที่เดินทางไปประกอบศาสนกิจในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. ทำให้พระพรหมกวี ที่เดินทางไปกับคณะ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

คณะแพทย์พยายามให้การรักษาอย่างสุดความสามารถ แต่ด้วยอาการบาดเจ็บที่สาหัสประกอบกับความชราภาพ ทำให้พระพรหมกวี มรณภาพลง ท่ามกลางความเศร้าโศกของคณะสงฆ์วัดโมลีฯ และบรรดาคณะศิษยานุศิษย์ทั่วไปเป็นอย่างยิ่ง

แม้ท่านจะละสังขารไปนาน 8 ปีแล้ว แต่นามยังคงอยู่ในศรัทธาของสาธุชนและศิษยานุศิษย์มิรู้เสื่อมคลาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน