เซียนอ้วน โคราช รู้จริงพระหลวงพ่อคูณ
มองอย่างเซียน
เซียนอ้วน โคราช – “ปัจจุบันพระใหม่ยังรับความนิยมอย่างต่อเนื่อง พระเครื่องสามารถวัดสภาพเศรษฐกิจได้ดี จากประสบการณ์ที่ผ่านมา สำหรับเรื่องการครองความนิยมหรือของพระเครื่องนั้น หากเป็นพระเครื่องที่ปลุกเสกโดยพระเกจิอาจารย์ที่มีประวัติความเป็นมาที่น่าเชื่อถือ จะทำให้พระประเภทนั้นมีมูลค่าสูงตามตัว”
“การที่วัตถุมงคลของหลวงพ่อคูณได้รับความนิยมที่แรงขึ้น ไม่ได้เป็นไปตามกระแสของความต้องการ แต่เกิดขึ้นจากความเชื่อ ความศรัทธา ประสบการณ์ต่างๆว่ามีพุทธคุณเข้มขลัง แม้ท่านจะละสังขารไปแล้วก็ตาม ตอกย้ำความชัดเจนในพระเครื่องของท่านว่าเป็นพระเครื่องที่มีอนาคต”
คำกล่าวของ “ชูเกียรติ วิชัยศักดิ์” หรือที่วงการพระเครื่องเมืองโคราชรู้จักในนาม “อ้วน โคราช”
เซียนอ้วน มีความรอบรู้พระเครื่องอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะวัตถุมงคลหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา จนได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการการตัดสินพระเครื่องหลวงพ่อคูณ และเป็นผู้ช่วย ผู้ประสานงานภาคอีสาน ทั้ง 5 เขต ของสมาคมผู้นิยมพระเครื่อง พระบูชาไทย
เซียนอ้วน เริ่มสนใจพระเครื่องมาตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น ส่วนใหญ่จะเป็นพระเกจิ อาจารย์สายอีสาน โดยเฉพาะวัตถุมงคลหลวงพ่อคูณ
“สมัยที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะนิติศาสตร์ ผมจะนำวัตถุมงคลหลวงพ่อคูณ มาให้เพื่อนและผู้ที่สนใจเช่าบูชาภายในมหาวิทยาลัย พระเครื่องส่วนใหญ่ จะเป็นพระที่สร้างใหม่ที่ไปเช่ามาจากวัดบ้านไร่ ซึ่งตอนนั้นพระเครื่องหลวงพ่อคูณ มีมากมายหลายรุ่น ราคาเช่าหายังไม่แพงมากเหมือนปัจจุบัน ทำให้เราพบเห็นเหรียญหลวงพ่อคูณ รุ่นต่างๆ ที่วงการพระเครื่องให้ความนิยม เช่น เหรียญหลวงพ่อคูณ ปี 2512, 2517 และ 2519”
“เมื่อเราเห็นพระองค์แท้เป็นประจำ พร้อมทั้งได้รับการแนะนำจากรุ่นพี่ที่มีความชำนาญพระเครื่อง อ่านจากตำราพระเครื่อง ทำให้สามารถจดจำตำหนิต่างๆ ของพระรุ่นนั้นได้เป็นอย่างดี”
หลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้ว เซียนอ้วน ยังไม่ได้เข้าวงพระเครื่องเต็มตัว แต่หันไปทำงานบริษัทเอกชนอยู่ประมาณ 12 ปี กระทั่งเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ฟองสบู่แตก เมื่อปี 2540 จึงลาออกจากงาน เบนเข็มมุ่งสู่วงการพระเครื่องเต็มตัว ซึ่งตอนนั้นยังพอจะมีความรู้เรื่องพระเครื่องอยู่บ้าง เป็นพระรุ่นใหม่ โดยหาความรู้เพิ่มเติมจากหนังสือพระเครื่อง
“อ้วน โคราช” แนะนำสำหรับการศึกษาธรรมชาติของเหรียญ ใช้หลักพื้นฐาน ได้แก่ 1.ความคมชัดของตัวหนังสือ หรืออักขระยันต์ 2.พื้นผิวของเหรียญที่เรียบตึง ไม่มีร่องรอยของการถอดพิมพ์ ไม่มีขี้กลาก 3.การเจาะรูหูเหรียญ ต้องมีเนื้อปลิ้นเกินที่เป็นธรรมชาติ และ 4.วิวัฒนาการของการตัดขอบเหรียญ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามเทคโนโลยีในแต่ละยุคสมัย
ทั้ง 4 ประการนี้ ถือเป็นจุดที่ใช้ในการพิจารณาเหรียญว่าแท้หรือปลอม ได้ชัดเจนยิ่งกว่าการจดจำตำหนิ ที่สำคัญ ยังสามารถนำไปใช้ในการพิจารณาได้ทุกเหรียญ ไม่ว่าจะเป็นเหรียญในยุคสมัยใดก็ตาม เพราะถึงแม้ว่ากรรมวิธีการทำปลอมในปัจจุบันจะสามารถทำได้ใกล้เคียงกับของจริงแค่ไหน แต่ธรรมชาติของการผลิตเหรียญแต่ละยุค ย่อมมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า การซื้อ–ขายเหรียญในปัจจุบัน ผู้ชำนาญการจะใช้วิธีการพิจารณาด้านข้างของเหรียญเป็นบทสรุปว่า แท้หรือไม่ เพราะขอบด้านข้างของเหรียญเป็นสิ่งเดียวที่ยังไม่สามารถปลอมแปลงได้เหมือน เนื่องจากร่องรอยที่ด้านข้างของเหรียญนั้น คือ ร่องรอยที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ จากขั้นตอนการผลิตในแต่ละยุคสมัย
อย่างไรก็ตาม การศึกษาเหรียญต่างๆ ตามข้อสังเกต 4 ข้อข้างต้นนั้น จะต้องใช้เงินจำนวนมาก เพื่อไปเช่าหาเหรียญมาศึกษา อีกทั้งเหรียญที่เป็นที่นิยมของวงการ ล้วนแล้วแต่เป็นเหรียญที่มีราคาแพง ตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักล้านแทบทั้งสิ้น
“ส่วนแนวทางที่สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาแต่มีทุนน้อย นั่นก็คือ ให้ใช้วิธีไปเช่าเหรียญเก่าที่วงการไม่นิยม และมีราคาไม่แพงแทน เพื่อนำมาศึกษาธรรมชาติของเหรียญที่เกิดจากวิวัฒนาการในการปั๊ม และการตัดขอบเหรียญ เพราะเหรียญที่ออกมาในยุคสมัยที่ใกล้เคียงกัน ย่อมจะมีขั้นตอนการผลิตที่คล้ายคลึงกัน อาจจะแตกต่างกันก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น” เซียนอ้วนกล่าวทิ้งท้าย