พระราชธีราภรณ์ อดีตเจ้าคณะหนองคาย

คอลัมน์ อริยะโลกที่ 6

พระราชธีราภรณ์ อดีตเจ้าคณะหนองคาย : อริยะโลกที่ 6 – พระราชธีราภรณ์ (พร้อม เรวโต) อดีตเจ้าคณะจังหวัดหนองคาย และอดีตเจ้าอาวาสวัดศรีชมชื่น ต.ในเมือง อ.เมือง จ.หนองคาย พระเถระที่มีวัตรปฏิบัติดีงาม เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม

มีนามเดิมว่า พร้อม สีหา เกิดเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2480 ที่บ้านคำแคนเหนือ หมู่ 9 ต.โพนเพ็ก อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น บิดา-มารดา ชื่อ นายทองมา และนางจันทา สีหา ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา

วันที่ 21 ม.ค.2497 ขณะอายุ 17 ปี เข้าพิธีบรรพชา ที่วัดสระเกษ ต.โพนเพ็ก อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น โดยมีพระครูพิบูลย์สารเวท เจ้าคณะอำเภอมัญจาคีรี เป็นพระอุปัชฌาย์

มุ่งมั่นศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม สามารถสอบไล่ได้เปรียญธรรม 3 ประโยค ความตั้งใจที่จะบวชเรียนเพียงพรรษาเดียว ได้เปลี่ยนไป

จนอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 5 เม.ย.2500 ที่วัดปทุมวัน ต.เพ็กใหญ่ อ.พล จ.ขอนแก่น มีพระครูปฏิภาณธรรมรส เจ้าคณะอำเภอพล เป็นพระอุปัชฌาย์, พระมหาวิชัย วิชโย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระมหาสมพงษ์ วรวังโส เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ได้รับฉายานามว่า เรวโต อันมีความหมายว่า ผู้ที่มีความยินดี

อยู่จำพรรษาที่วัดศรีมณี อ.พล จ.ขอนแก่น และได้ย้ายเข้าจำพรรษาในวัดตัวเมืองขอนแก่น เพื่อเล่าเรียนพระปริยัติธรรม คือ วัดศรีธาตุ บ้านตูม อ.เมือง จ.ขอนแก่น

จากการที่ศึกษานักธรรมบาลีทำให้ท่านมีเพื่อนพระสงฆ์จากจังหวัดต่างๆ จำนวนมาก ในจำนวนนั้นมีอยู่รูปหนึ่งชักชวนให้มาอยู่ที่ จ.หนองคาย และจำพรรษาอยู่ที่วัดศรีชมชื่นแห่งนี้ ตั้งแต่ปี 2502

ครั้งหนึ่ง ท่านเดินทางเข้าไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ จำพรรษาที่วัดจันทร์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี จนสำเร็จเปรียญธรรม 7 ประโยค แต่สอบไม่ผ่าน จึงย้ายไปเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม แผนกบาลีที่วัดพลับบางกระจับ อ.เมือง จ.จันทบุรี ระหว่างนั้นยังไม่ละความพยายาม ยังอ่านหนังสือสอบและสอนบาลีไปพร้อมกัน ท่านใช้เวลาอีก 1 ปี ก็สามารถสอบเปรียญธรรม 8 ประโยคได้สำเร็จ

ช่วงเวลา ชีวิตท่านคล้ายกับชีพจรลงเท้า ด้วยความที่มีเพื่อนมาก เพื่อนพระสงฆ์รูปหนึ่งมาชวนไปอยู่เชียงใหม่ ตั้งแต่ปี 2510-2512 จากพระอีสานไปจำพรรษาที่ภาคเหนือ ก็มีสามเณรรูปหนึ่งบอกว่า ถ้ามาเมืองเหนือแล้วไม่ได้ไป อ.แม่สาย จ.เชียงราย ถือว่ามาไม่ถึงเมืองเหนือ ได้ยินดังนั้นท่านก็มุ่งหน้าไป จ.เชียงรายทันที และได้ไปพักที่สำนักสงฆ์ใกล้ตลาด อ.แม่สาย

ในค่ำวันนั้นเอง ที่สำนักสงฆ์เชิญชวนญาติโยมมาฟังธรรมเทศนา เดิมนั้นพระสงฆ์ที่จะแสดงธรรมเทศนามักจะอ่านจากคัมภีร์ แต่ท่านเป็นผู้ที่เทศนาด้วยความรู้สึกจากใจ ไม่เปิดคัมภีร์อ่านคำเทศนาแม้แต่หน้าเดียว จนเป็นที่ฮือฮาของเหล่าญาติโยม เกิดความเลื่อมใสศรัทธา และมักจะมาฟังท่านแสดงเทศนาทุกครั้ง พร้อมทั้งนิมนต์ให้ท่านอยู่จำพรรษาที่สำนักสงฆ์ จนพาชาวบ้านญาติโยมสร้างวัดแม่สายและมีท่านเป็นเจ้าอาวาสวัด นาน 20 ปี

การเดินทางมาถึงอีกครั้ง เมื่อพระเทพมงคลรังสี เจ้าอาวาสวัดศรีชมชื่น จ.หนองคาย ในขณะนั้น ซึ่งเป็นที่เคารพของท่าน ได้ตามตัวให้ท่านกลับมาช่วยสอนพระปริยัติธรรมที่ จ.หนองคาย ท่านจึงเดินทางกลับมา จ.หนองคาย

ลำดับงานปกครอง พ.ศ.2533 เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีชมชื่น พ.ศ.2534 ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดหนองคาย พ.ศ.2549 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะจังหวัดหนองคาย

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2539 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระศรีสุทธิพงศ์

พ.ศ.2547 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชธีราภรณ์

เป็นพระเถระที่ทุ่มเทชีวิตจิตใจและรับผิดชอบมายาวนาน ในฐานะผู้อุทิศตนบำเพ็ญประโยชน์แก่สังคม ศาสนา และประเทศชาติ เป็นอเนกนานัปการ ควรค่าแก่การยกย่อง

มรณภาพอย่างสงบ เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2555 สิริอายุ 75 ปี พรรษา 55

ประภาพร สอนราช

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน