หลวงพ่อวงษ์ วังสปาโลวัดปริวาสราชสงคราม กรุงเทพฯ : คอลัมน์ อริยะโลกที่ 6

หลวงพ่อวงษ์ วังสปาโล – วันอาทิตย์ที่ 7 มิ.ย.2563 น้อมรำลึกครบรอบ 118 ปี ชาตกาล “พระครูขันตยา ภิราม” หรือ “หลวงพ่อวงษ์ วังสปาโล” วัดปริวาสราชสงคราม เขตยานนาวา กรุงเทพฯ พระเกจิทรงวิทยาคุณเข้มขลัง โด่งดังในเรื่องการปลุกเสกเครื่องรางเสือบรรดาลูกศิษย์ร่ำลือกันว่า “เวลาหลวงพ่อปลุกเสกเสือนั้น ท่านเสกจนเสือกระโดดได้”

เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 7 มิ.ย.2445 ที่บ้าน เลขที่ 193 ต.บางโพงพาง อ.บ้านทวาย (ยานนาวา) กรุงเทพฯ บิดา-มารดา ชื่อ นายเลียบและนางจั่น เจริญกุล

ช่วงวัยเยาว์ บิดาพาไปฝากเรียนหนังสือกับพระที่วัดปริวาส สอบไล่ได้เทียบชั้นระดับประถมศึกษา 4 (สูงสุดในสมัยนั้น) พออายุได้ 21 ปี ก็ถูกเกณฑ์เป็นทหารเรือที่กรมสรรพาวุธ บางนา และเมื่อปลดประจำการ อายุ 23 ปี

เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดปริวาส เมื่อวันพุธที่ 17 มิ.ย.2468 โดยมี พระครูวินยา นุบูรณาจารย์ (หลวงพ่อเชย) วัดโปรดเกศเชษฐาราม เป็นพระอุปัชฌาย์, พระปลัดไม้ วัดปริวาส เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอธิการน้อย วัดด่าน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า วังสปาโล

จากนั้น เดินทางไปศึกษาที่สำนักเรียน วัดทองธรรมชาติ วัดจักรวรรดิราชาวาส (สามปลื้ม) วัดมหาธาตุ สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี และเรียนภาษาบาลีแบบมูลกัจจายน์ ขอมบาลีและขอมไทยจนชำนาญ แต่ไม่ได้เข้าสอบเพิ่ม

เนื่องจากพระปลัดไม้ มรณภาพในปี พ.ศ.2471 ทำให้ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส และเป็นพระอุปัชฌาย์ในเวลาต่อมา

ได้รับการถ่ายทอดวิชาปรุงยาสมุนไพร รวมทั้งการจับยามสามตาจากพระปลัดไม้ ซึ่งมีผู้ป่วยและลูกศิษย์มารับการรักษาอยู่เสมอ นอกจากนี้ ยังเรียนรู้วิชาการเล่นแร่แปรธาตุ การต้มปรอท การรักษาโรค การเขียนผงลบผง โดยเฉพาะผงนะปถมัง และผงอิทธิเจ การอาบน้ำมนต์ และการวิปัสสนากัมมัฏฐานจากปู่เนียน สังข์เนตร ฆราวาสแห่งอาศรมบางวัว

และศึกษาการวิปัสสนากัมมัฏฐานจากหลวงพ่อพุ่ม วัดบางโคล่นอก ในปี พ.ศ.2478 ซึ่งพระบวชใหม่ในแถบบางโพงพางช่วงนั้น ถ้าจะออกธุดงค์ต้องมาขึ้นกัมมัฏฐานกับหลวงพ่อพุ่ม ก่อนออกเดินธุดงค์ทุกครั้ง

กล่าวสำหรับ วัดปริวาสราชสงคราม เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ดังมีหลักฐานยืนยันเป็นแผ่นทองคำจารึกไว้ กล่าวคือ เมื่อครั้งที่หลวงพ่อวงษ์ บูรณปฏิสังขรณ์องค์เจดีย์หน้าอุโบสถ โดยมีพระอาจารย์สมชาย ฉันสโร เป็นผู้ช่วย

และจากการในครั้งนี้ได้พบแผ่นทองคำจารึกนามผู้สร้างเจดีย์ ช่วงส่วนบนของ “คอระฆัง” พระเจดีย์จารึกระบุว่า ยายเมืองเป็นผู้สร้างเจดีย์ไว้เมื่อปี พ.ศ.2421 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

แม้จะไม่ใช่วัดหลวง แต่วัดปริวาสราชสงคราม จัดเป็นวัดใหญ่ที่ประกอบด้วย อุโบสถ วิหาร และพระมหาเจดีย์ เขตแนวกุฏิสงฆ์อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา การจราจรสะดวก ด้วยในสมัยก่อนนั้น มักใช้แม่น้ำลำคลองในการสัญจร แต่ปัจจุบันใช้ถนนพระราม 3 เป็นเส้นหลักในการสัญจร

เจ้าอาวาสที่ปกครองวัด ตามที่มีผู้สืบค้นไว้มีอยู่ 9 รูป ได้แก่ หลวงปู่ม่วง หลวงปู่สุข พระอธิการเฮ้า พระอธิการเปลี่ยน พระอธิการโคก พระปลัดไม้ พระครูขันติยาภิราม (พระอุปัชฌาย์วงษ์) พระครูใบฎีกาเจียม สุขิโต พระครูพิศาลพัฒนพิธาน

เป็นผู้ที่ทำให้วัดปริวาส เป็นที่รู้จักแก่ประชาชน และลูกศิษย์ลูกหาอย่างกว้างขวางอันเนื่องมาจากเสือโลหะที่ท่านได้สร้างไว้ นอกจากนี้ ท่านยังเป็นพระนักพัฒนาที่เก่ง อีกด้วย หลังจากได้รับการแต่งตั้งให้เป็น เจ้าอาวาส ท่านดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์ อุโบสถใหม่ สร้างศาลาการเปรียญ ศาลาอเนกประสงค์ รวมทั้งเสนาสนะอื่นๆ อีกหลายแห่ง

มีความเคารพเลื่อมใสในหลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน จึงสร้างเสือตามแบบฉบับของหลวงพ่อปาน แต่สร้างเป็นเสือเนื้อโลหะ สร้างเป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.2501

กระทั่งจัดสร้างเสือรุ่น 6 เมื่อปี พ.ศ.2519 จำนวน 37,400 องค์ ในการสร้างและปลุกเสกเสือนั้น จะนั่งปลุกเสกเสือ บรรดาศิษย์ที่ศรัทธาในยุคนั้นเห็นปลุกเสกเสือจนเสือ กระโดดได้ จึงศรัทธาเลื่อมใสเป็นอย่างมาก

“ตอนกูปลุกเสกเสือรุ่น 1 นั้น กูเพิ่งจบชั้นประถม แต่เสือรุ่น 6 นั้น กูจบปริญญาแล้ว พวกมึงว่ารุ่นไหนจะดีกว่ากัน” เป็นคำกล่าวปรารภของหลวงพ่อวงษ์ แก่บรรดาคณะศิษย์

มรณภาพอย่างสงบ เมื่อวันที่ 2 ส.ค.2523 สิริอายุ 78 ปี พรรษา 55

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน