หลวงพ่อแต้ม ปุญญสุวัณโณ – วันศุกร์ที่ 11 ก.ย.2563 น้อมรำลึกครบรอบ 129 ปี ชาตกาล “พระครูประภัศร์ธรรมาภรณ์” หรือ “หลวงพ่อแต้ม ปุญญสุวัณโณ” วัดพระลอย ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี อดีตนักเลงกลับเนื้อกลับตัวมาบวช และเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ชาวบ้านเคารพนับถือมากรูปหนึ่ง

เกิดเมื่อวันที่ 11 ก.ย.2434 บ้านด้านทิศใต้วัดพระลอย เป็นบุตรคนโตของนายแย้มและนางอ่ำ นารถพลายพันธ์ ท่านเป็นคนร่างเล็ก ครอบครัวยากจน ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ

ย่างวัยหนุ่ม คบเพื่อนอันธพาลนักเลงรุ่นเดียวกัน ชอบตีรันฟันแทง แม้จะมีร่างเล็ก แต่ใจถึงไม่กลัวใคร ท่านเป็นหัวหน้านักเลง คุมท้องถิ่นแถวบ้านวัดพระลอย และมีเพื่อนอีกคนหนึ่งที่รู้จักชอบคอกันดีเป็นหัวหน้านักเลงอยู่ที่ศรีประจันต์ ชื่อ ปุย (ภายหลัง คือ หลวงพ่อปุย วัดเกาะนั่นเอง) เป็นนักเลงคุมแถวลุ่มน้ำบ้านคอย

วันหนึ่งบิดามารดาเห็นว่าอายุครบบวชจึงอยากให้บวช ไปตามหาซึ่งตอนนั้นไปอยู่ที่อ่างทอง ตามตัวพบแล้วจึงพามาบวชที่วัดสำปะซิว โดยหลวงปู่โต๊ะ วัดลาดตาล ซึ่งขณะนั้นเป็นเจ้าอาวาสวัดสำปะซิว อบรมบ่มนิสัยก่อนบวช โดยแรกเริ่มท่านไม่รู้หนังสือแม้แต่ตัวเดียว แต่ก็สามารถท่องเจ็ดตำนานได้ภายในเจ็ดวัน หลวงปู่โต๊ะชอบใจมาก

หลังจากนั้นจึงอุปสมบทให้ เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2455 ที่พัทธสีมาวัดสำปะซิว โดยมี หลวงพ่อปลื้ม วัดพร้าว เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อปลื้ม (อีกรูปหนึ่ง) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงปู่โต๊ะ วัดสำปะซิว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา ปุญญสุวัณโณ

จากนั้นหลวงปู่โต๊ะสอนกัมมัฏฐาน และสอนหนังสือทั้งไทยและขอมจนอ่านออกเขียนได้ ยังได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ กับช่างไม้ช่างก่อสร้างจากหลวงปู่โต๊ะอีกด้วย จนมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้มาก ต่อมาย้ายมาอยู่วัดพระลอย จึงลาสิกขาออกมาในปี พ.ศ.2463 สรุปแล้วท่านบวชครั้งแรกอยู่ 8 พรรษา

ใช้ชีวิตทางโลกอยู่พักหนึ่งเกิดเบื่อหน่ายทางโลก จึงอุปสมบทครั้งที่ 2 โดยมีหลวงพ่อสอน วัดป่าเลไลยก์ เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อพร วัดป่าเลไลยก์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อคำ วัดพระรูป เป็นพระอนุสาวนาจารย์

จำพรรษาอยู่วัดลาวทอง จวบจนปี พ.ศ.2466 จึงไปศึกษาวิปัสสนากัมมัฏฐานจากหลวงพ่อซัว วัดสาลี บางปลาม้า จวบจนถึงปี พ.ศ.2468 และไปเรียน ต่อจากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา สำเร็จวิชายันต์เกราะเพชร และกลับมาอยู่วัดลาวทองต่อ

พ.ศ.2483 คณะสงฆ์แต่งตั้งให้หลวงพ่อแต้มมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระลอย ซึ่งใกล้จะร้าง ให้มีสภาพดีขึ้น ท่านพัฒนาวัดจนเจริญ เป็นสถานที่ ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจขึ้นชื่ออีกแห่งของเมืองสุพรรณ

จวบจนมรณภาพอย่างสงบ พ.ศ.2514 สิริอายุ 80 ปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน