พระราชวชิรญาณมงคล วิริยอุตสาหะสอบเปรียญ 9

มงคลข่าวสด

เมื่อวันที่ 16 ก.พ.2566 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศพระบรมราชโองการ ประกาศพระราชทาน สัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ ระบุว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ พระมหาทอง ญาณสังวโร (เปรียญธรรม 8 ประโยค) เป็น พระราชวชิรญาณมงคล โกศลเทศนา วรกิจ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี พระราชาคณะชั้นราช สถิต ณ วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร พระอารามหลวง กรุงเทพฯ มีฐานานุศักดิ์ตั้งฐานานุกรม ได้ 4 รูป

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.2566 ประกาศ ณ วันที่ 16 ก.พ.2566

ปัจจุบัน พระราชวชิรญาณมงคล หรือ พระมหาทอง ญาณสังวโร สิริอายุ 89 ปี พรรษา 67 สังกัดวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ

มีนามเดิมว่า ทอง เกิดบุรี เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2478 ที่บ้านทองหลางน้อย ต.ดอนตะหนิน อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา บิดา-มารดา ชื่อ นายยันต์และนางหลง เกิดบุรี

ช่วงวัยเด็ก เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนบ้านทองหลางน้อย

หลังจบการศึกษา ออกมาช่วยบิดามารดา ทำงานเกษตรกร กระทั่งอายุครบ 20 ปี บริบูรณ์ เข้าคัดเลือกเกณฑ์ทหาร แต่ปรากฏว่า จับได้ใบดำ ครอบครัวจึงขอให้บวช

อายุ 21 ปี เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2498 ที่วัดเสมาใหญ่ ต.ดอนตะเนิน อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา มีพระครูจันทสรคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์แหยม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์สีลา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา “ญาณสังวโร”

หลังอุปสมบท มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ.2499 สามารถสอบได้จบนักธรรมชั้นตรี-โท ที่วัดเสมาใหญ่

พ.ศ.2500 ตัดสินใจมุ่งหน้าเข้าเมืองหลวง ย้ายเข้ามาอยู่จำพรรษาที่วัดราชสิทธาราม กรุงเทพฯ

พ.ศ.2502 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก

จากนั้นมุ่งศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีอย่างจริงจัง พ.ศ.2507 สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค พ.ศ.2508 สอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค พ.ศ.2514 สอบได้เปรียญธรรม 5 ประโยค พ.ศ.2519 สอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค

พ.ศ.2541 สอบได้ปรียญธรรม 7 ประโยค พ.ศ.2550 สอบได้เปรียญธรรม 8 ประโยค

จากนั้นก็มีความพยายามเข้าสอบเปรียญ 9 เรื่อยมา เป็นระยะเวลาติดต่อกัน 16 ปี แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ

ล่าสุด พ.ศ.2566 เข้าสอบเปรียญธรรม 9 ประโยค รอการประกาศผล ภายในเดือน มี.ค.2566

มีสหธรรมิกที่มีชื่อเสียง อาทิ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) อดีตเจ้าคณะใหญ่หนกลาง อดีตเจ้าอาวาสวัดพิชยญาติ การาม, พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธัมโม) อดีตเจ้าอาวาส วัดสามพระยา เป็นต้น

วันที่ 16 ก.พ.2566 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็น พระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชวชิรญาณมงคล

พระราชวชิรญาณมงคล หรือ พระมหาทอง กล่าวว่าที่มีความตั้งใจพากเพียรสอบเปรียญธรรม 9 ประโยค เพราะตั้งใจตั้งแต่ เริ่มบวชสามเณร และความตั้งใจสูงสุดในการเป็นพระสงฆ์ ก็คือได้สอบเปรียญธรรม 9 ประโยค คือ สอบไม่ได้ก็สอบใหม่ไปเรื่อย จนกว่าจะสอบได้ อาตมาบวชมาตั้งแต่อายุ 21 ปี ปัจจุบันอายุ 89 ปีแล้ว โดยในการสอบ บางทีก็สู้สามเณรหรือพระสงฆ์อายุน้อยไม่ได้ ในส่วนตนเอง มีความพยายามร่ำเรียนในที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์

อยากที่จะเป็นแบบอย่างให้กับพระสงฆ์ทั่วไปที่ยังอายุน้อย ให้หันมาสนใจการเรียนหนังสือ เพราะเห็นว่า ปัจจุบันพระอายุน้อย สนใจเรียนหนังสือน้อยลง โดยต้องการแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็สามารถเรียนได้ และการเรียนหนังสือจะทำให้เกิดแต่ผลดี ทันกับความก้าวหน้าของโลก จึงอยากฝากถึงพระและสามเณร รุ่นใหม่ๆ ให้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย เพราะพระธรรมวินัยนั้นเป็นรากแก้วของพระพุทธศาสนา โดยเปรียบเสมือนต้นไม้ ถ้าไม่มีรากแก้ว ต้นไม้ก็ผุพังไปตามธรรมชาติ ดังเช่นพระพุทธศาสนา ถ้ามีความรู้หรือความตั้งใจ หรือแตกฉาน เข้าใจหลักพระธรรมวินัย พระพุทธศาสนาของเราก็จะยั่งยืนต่อไป

“ในส่วนที่พระสงฆ์ที่ทำตัวไม่งามนั้น ก็อยากจะบอกว่า อยากให้กลับตัวกลับใจประพฤติตนและปฏิบัติ ตามพระธรรมวินัย เราเป็นชาวพุทธ ควรสืบทอดศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าต่อไป บวชมาแล้วควรศึกษาเล่าเรียน และเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อญาติโยม” พระราชวชิรญาณมงคล หรือ พระมหาทอง” กล่าวทิ้งท้าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน