วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 14.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายจรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ เชิญสัญญาบัตร พัดยศและผ้าไตร ถวายแด่ พระธรรมวชิรสุธี (ทองดี ฐิตายุโก) ณ พระอุโบสถวัดอาวุธวิกสิตาราม พระอารามหลวง เขตบางพลัด กรุงเทพฯ

ด้วยทรงมีพระบรมราชโองการโปรดพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ ประกาศ ณ วันที่ 14 พ.ย.2565 ให้พระเทพปัญญามุนี เป็น “พระธรรมวชิรสุธี ศรีพุทธพยากรณ์ สุนทรปริยัติวรกิจ พิพิธศาสนภารธุราทร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี” พระราชาคณะชั้นธรรม สถิต ณ วัดอาวุธ วิกสิตาราม พระอารามหลวง กรุงเทพฯ มีฐานานุศักดิ์ตั้งฐานานุกรมได้ 6 รูป

การนี้ นางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร, น.ส.อารียา เพ็งประเสริฐ ผอ.เขตบางพลัด, น.ส.ปรินดา เอี่ยมกมล ผอ.โรงเรียนวัดอาวุธวิกสิตาราม พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ในสังกัดเขตบางพลัด ตลอดจนศิษยานุศิษย์ ร่วมพิธีในครั้งนี้

พระธรรมวชิรสุธี สิริอายุ 90 ปี พรรษา 70 ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 (ธรรมยุต), รองแม่กองบาลีสนามหลวงประจำคณะธรรมยุต และเจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม

มีนามเดิมว่า ทองดี สู่เสน เกิดเมื่อวันที่ 15 มี.ค.2476 ที่บ้านเลขที่ 9 ต.ชีทวน อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี โยมบิดา-มารดาชื่อ นายแก้วและนางแสน สู่เสน

อายุ 14 ปี เข้าพิธีบรรพชาที่วัดทุ่งศรีวิไล ต.ชีทวน โดยมีพระครูคัมภีรวุฒาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์

ปฏิบัติกิจอุปัฏฐากรับใช้พระครูคัมภีร วุฒาจารย์ และเรียนภาษาขอมอักษรธรรม จนสามารถอ่านออกเขียนได้

ด้วยความเป็นผู้มีอุปนิสัยใฝ่ในการศึกษาหาความรู้และพัฒนาขัดเกลาตนเอง ต่อมาได้ไปเรียนต่อในระดับนักธรรมชั้นโท และระดับมัธยมศึกษาในเมืองอุบลราชธานี สังกัดที่วัดสุทัศนาราม สามารถสอบได้ นักธรรมชั้นโท และนักธรรมชั้นเอก

อายุ 21 ปี เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดสุทัศนาราม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี โดยมีพระศรีธรรมวงศาจารย์ วัดสุปัฏนารามวรวิหาร เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูสังวรศีลขันธ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูใบฎีกานิล เป็นพระอนุสาวนาจารย์

เนื่องจากยังใฝ่ใจการศึกษาอยู่ พ.ศ.2498 ได้กราบเรียนขอคำปรึกษาจากพระครูสังวรศีลขันธ์ ซึ่งแนะนำให้ไปอยู่ที่วัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ จึงได้ตัดสินใจตามคำแนะนำ ของท่าน

พ.ศ.2503 สอบได้นักธรรมชั้นเอก ที่สำนักเรียนวัดสัมพันธวงศ์

ต่อมาตัดสินใจย้ายไปจำพรรษาที่วัดสัมประทวน อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม แต่อยู่ได้เพียงไม่นานได้ย้ายกลับมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ที่วัดอาวุธวิกสิตาราม

ได้รับภาระในงานสำคัญต่างๆ เป็นอันมาก อีกทั้งยังได้ช่วยเจ้าอาวาสในการพัฒนาวัดอาวุธวิกสิตารามมาโดยลำดับ ต่อมามีบทบาทในการส่งเสริมการศึกษา ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางการศึกษา ทั้งภายในวัดและคณะสงฆ์ส่วนกลาง

ในระหว่างปี พ.ศ.2530 เห็นความลำบากของพระภิกษุสามเณรวัดอาวุธวิกสิตาราม ที่ต้องเดินทางไปศึกษาในสำนักเรียนแห่งอื่น จึงมีความดำริร่วมกับเจ้าอาวาส เพื่อจัดตั้งสำนักศึกษา และขอยกฐานะจากสำนักศึกษาเป็นสำนักเรียนวัดอาวุธวิกสิตาราม นับว่าเป็นผลสำเร็จตามความคาดหมาย

ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2520 เป็นรองเจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม พ.ศ.2538 เป็นพระอุปัชฌาย์

พ.ศ.2541 เป็นกรรมการที่ปรึกษาสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต)

พ.ศ.2542 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม

พ.ศ.2564 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 (ธ)

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2542 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระมงคลธรรมวัฒน์ พ.ศ.2547 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชปริยัติวิมล

พ.ศ.2552 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพปัญญามุนี

ล่าสุด วันที่ 15 พ.ย.2565 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ขึ้น เป็นพระราชาชั้นธรรม ในราชทินนามที่ พระธรรมวชิรสุธี

เป็นที่เคารพนับถือ และสักการะของผู้คนมากมายหลายระดับ ในชุมชนย่านบางพลัด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน