เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศพระบรมราชโองการ ประกาศพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ พระเทพปัญญามุนี เป็น “พระธรรมวชิรสุธี ศรีพุทธพยากรณ์ สุนทรปริยัติวรกิจ พิพิธศาสนภารธุรา ทร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี” พระราชาคณะชั้นธรรม สถิต ณ วัดอาวุธวิกสิตาราม พระอารามหลวง กรุงเทพฯ มีฐานานุศักดิ์ตั้งฐานานุกรมได้ 6 รูป

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย.2565 ประกาศ ณ วันที่ 14 พ.ย.2565

ปัจจุบัน สิริอายุ 90 ปีห พรรษา 70 ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 (ธรรมยุต), รองแม่กองบาลีสนามหลวง ประจำคณะธรรมยุต และเจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม เขตบางพลัด กรุงเทพฯ

มีนามเดิมว่า ทองดี สู่เสน เกิดเมื่อวันที่ 15 มี.ค.2476 ที่บ้านเลขที่ 9 ต.ชีทวน อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี บิดา-มารดาชื่อ นายแก้วและนางแสน สู่เสน

อายุ 14 ปี เข้าพิธีบรรพชาที่วัดทุ่งศรีวิไล ต.ชีทวน โดยมีพระครูคัมภีรวุฒาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์

ปรนนิบัติอุปัฏฐากรับใช้พระครูคัมภีรวุฒาจารย์ และเรียนภาษาขอม อักษรธรรม จนอ่านออกเขียนได้

ด้วยความเป็นผู้มีอุปนิสัยใฝ่ศึกษาหาความรู้และพัฒนาขัดเกลาตนเอง ต่อมาได้ไปเรียนต่อในระดับนักธรรมชั้นโท และระดับมัธยมศึกษาในเมืองอุบลราชธานี สังกัดวัดสุทัศนาราม สอบได้นักธรรมชั้นโท และนักธรรมชั้นเอกในเวลาต่อมา

อายุ 21 ปี เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดสุทัศนาราม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี มีพระศรีธรรมวงศาจารย์ วัดสุปัฏนารามวรวิหาร เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูสังวรศีลขันธ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูใบฎีกานิล เป็นพระอนุสาวนาจารย์

เนื่องจากยังใฝ่ใจการศึกษาอยู่ พ.ศ.2498 จึงขอคำปรึกษาจากพระครูสังวรศีลขันธ์ ซึ่งได้รับคำแนะนำให้ไปอยู่ที่วัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรม

พ.ศ.2503 สอบได้นักธรรมชั้นเอก สำนักเรียนวัดสัมพันธวงศ์

ต่อมาตัดสินใจย้ายไปจำพรรษาที่วัด สัมประทวน อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม แต่อยู่ได้เพียงไม่นาน ก็ย้ายกลับมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ที่วัดอาวุธวิกสิตาราม

อนึ่ง ขณะอยู่ที่วัดแห่งนี้ ได้รับภาระในงานสำคัญต่างๆ เป็นอันมาก อีกทั้งยังช่วย เจ้าอาวาสพัฒนาวัดอาวุธวิกสิตารามให้รุ่งเรืองมาโดยลำดับ

ต่อมามีบทบาทในการส่งเสริมการศึกษา ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางการศึกษา ทั้งภายในวัดอาวุธวิกสิตารามและคณะสงฆ์ส่วนกลาง

ระหว่างปี พ.ศ.2530 ได้เห็นความลำบากของพระภิกษุสามเณรวัดอาวุธวิกสิตาราม ที่ต้องเดินทางไปศึกษาในสำนักเรียนแห่งอื่น จึงมีความดำริร่วมกับเจ้าอาวาส เพื่อจัดตั้งสำนักศึกษา และขอยกฐานะจากสำนักศึกษาเป็นสำนักเรียน จนเป็นผลสำเร็จตามความคาดหมาย

ถือเป็นพระนักการศึกษาที่บริหารจัดการการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมได้อย่างลงตัว

ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2520 เป็นรองเจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม พ.ศ.2538 เป็นพระอุปัชฌาย์

พ.ศ.2541 เป็นกรรมการที่ปรึกษาสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต)

พ.ศ.2542 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม

พ.ศ.2564 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 (ธ)

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2542 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระมงคลธรรมวัฒน์ พ.ศ.2547 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชปริยัติวิมล

พ.ศ.2552 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพปัญญามุนี

ล่าสุด วันที่ 15 พ.ย.2565 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเป็น พระราชาคณะชั้นธรรม ในราชทินนามที่ พระธรรมวชิรสุธี

จึงเป็นที่เคารพ นับถือ และสักการะของผู้คนมากมายหลายระดับ ในชุมชนย่านบางพลัด

วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 14.30 น. พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้า เจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายจรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี เป็น ผู้แทนพระองค์ เชิญสัญญาบัตร พัดยศและผ้าไตร ถวายแด่พระธรรมวชิรสุธี (ทองดี ฐิตายุโก) ณ พระอุโบสถวัดอาวุธวิกสิตาราม พระอารามหลวง เขตบางพลัด กรุงเทพฯ

การนี้ นางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร, น.ส.อารียา เพ็งประเสริฐ ผอ.เขตบางพลัด, น.ส.ปรินดา เอี่ยมกมล ผอ.โรงเรียนวัดอาวุธวิกสิตาราม พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ในสังกัดเขตบางพลัด ตลอดจนศิษยานุศิษย์ ร่วมพิธี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน