ย้อนไปเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2565 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศพระบรมราชโองการ ประกาศ พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ พระเทพโกศล เป็น “พระธรรมวชิรโกศล วิมลนวรัฐกิจบริหาร วิจิตรปฏิภาณธรรมสุนทร ตรีปิฎกคุณาภรณ์ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี” พระราชาคณะชั้นธรรม สถิต ณ วัดศรีโสดา พระอารามหลวง จ.เชียงใหม่ มีฐานานุศักดิ์ตั้งฐานานุกรมได้ 6 รูป
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย.2565 ประกาศ ณ วันที่ 28 มิ.ย.2565
พระธรรมวชิรโกศล (สังวาลย์ พรหมวัณโณ) เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่อีกรูปของเมืองเชียงใหม่ ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระที่เคร่งครัดระเบียบวินัย มีวัตรปฏิบัติเรียบง่าย ปฏิปทางดงาม เป็นที่เลื่อมใสศรัทธา
ปัจจุบัน สิริอายุ 88 ปี พรรษา 68 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดศรีโสดา ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 7
มีนามเดิมว่า สังวาลย์ ของฉัน เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 เม.ย.2478 อยู่ที่บ้านเลขที่ 17 หมู่ที่ 1 ต.ขี้เหล็ก อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
ในช่วงวัยเยาว์ ศึกษาจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านขี้เหล็ก อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
บรรพชาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 มิ.ย.2493 ที่วัดอุดมชัยราษฎร์ ต.ขี้เหล็ก อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มีเจ้าอธิการคุณา คุณวโร วัดสันคะยอม ต.ขี้เหล็ก เป็นพระอุปัชฌาย์
ตั้งใจศึกษาพระปริยัติธรรมอย่างมุ่งมั่น พ.ศ.2497 สามารถสอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ
กระทั่งอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันเสาร์ที่ 18 มิ.ย.2498 วัดสำเภา ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มีพระเทพสิทธาจารย์ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เป็นพระอุปัชฌาย์
เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม แผนกธรรม ที่สำนักวัดพันอ้น จ.เชียงใหม่ ต่อมาตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนพระปริยัติธรรม ที่สำนักเรียนวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เขตดุสิต กรุงเทพฯ พ.ศ.2509 จนสอบไล่ได้เปรียญธรรม 6 ประโยค
พ.ศ.2511 ทำหน้าที่เป็นครูสอนศีลธรรมวิชาพระพุทธศาสนาโรงเรียนวัดเบญจมบพิตร และเป็นครูสอนแผนกบาลี
จากนั้นมีโอกาสไปศึกษาที่ประเทศอินเดีย จนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาประวัติศาสตร์และโบราณคดี มหาวิทยาลัยมคธ
ศึกษาวิชาความรู้เพิ่มเติมในทุกด้าน อาทิ ภาษาอังกฤษ ล้านนา บาลี และยังมีความชำนาญการในงานก่อสร้าง ออกแบบ เขียนแบบลวดลายไทย ศิลปกรรม จิตรกรรม ปาฐกถา เทศนาบรรยายธรรมแบบพื้นเมืองเหนือ
ผลงานด้านการศึกษา พ.ศ.2530 เป็นเจ้าสำนักศาสนศึกษาวัดศรีโสดา และเป็นกรรมการตรวจข้อสอบธรรมสนามหลวง พ.ศ.2531 เป็นพระปริยัตินิเทศก์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
พ.ศ.2533 เป็นรองคณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ พ.ศ.2541 เป็นรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ และเป็นผู้แทนแม่กองธรรมสนามหลวง จ.เชียงใหม่
พ.ศ.2548 เป็นกรรมการที่ปรึกษาโครงการอบรมบาลีก่อนสอบคณะสงฆ์ ภาค 4 ประจำปี 2548
ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2530 เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีโสดา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พ.ศ.2533 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2537 เป็นเจ้าคณะอำเภอสันป่าตอง-แม่วาง จ.เชียงใหม่ พ.ศ.2539 เป็นหัวหน้าพระวินยาธิการจังหวัดเชียงใหม่
พ.ศ.2541 เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ.2546 เป็นรองเจ้าคณะภาค 7
พ.ศ.2552 เป็นเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ฝ่ายมหานิกาย
พ.ศ.2558 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 7
ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2529 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูปลัดสุวัฒนพุทธิคุณ ฐานานุกรมในพระพุทธิวงศมุนี พระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เขตดุสิต กรุงเทพฯ
พ.ศ.2530 ได้รับพระราชทานแต่งตั้งสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามที่ พระสุนทรพุทธิธาดา พ.ศ.2541 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ พระราชวิมลเมธี
พ.ศ.2550 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ในราชทินนามที่ พระเทพโกศล
ล่าสุด วันที่ 28 มิ.ย.2566 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมวชิรโกศล
แม้จะดำรงตำแหน่งพระสังฆาธิการผู้ใหญ่ แต่วัตรปฏิบัติยังคงเรียบง่ายดุจเดิม ให้การอบรมศีลธรรมแก่สาธุชนที่เข้ามาทำบุญฟังธรรมทุกวันพระ
เน้นให้ประพฤติปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา ยึดเบญจศีล เบญจธรรม เป็นข้อปฏิบัติพื้นฐานในการดำรงชีวิตให้เป็นปกติสุขในสังคม
