วันพฤหัสบดีที่ 11 ก.ค.2567 น้อมรำลึกครบรอบ 14 ปีมรณกาล “พระมงคลวชิราจารย์” หรือ “หลวงพ่อสุข สังฆโสภโณ” พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาตะเครา อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี และอดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอบ้านแหลม
มีนามเดิมว่า นายประสพ แสงสุริยา เกิดเมื่อวันที่ 22 ก.ย.2465 ที่บ้านคลองไหหลำ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาครบิดา-มารดาชื่อ นายแดงและนางปาน แสงสุริยา
ในช่วงวัยเยาว์ได้เข้าเรียนในโรงเรียนหมู่บ้าน มุมานะศึกษาหาความรู้มิได้ขาด
เมื่อย่างเข้าวัยหนุ่ม อายุครบ 22 ปี เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2487 ที่วัดเขาตะเครา อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี โดยมีพระครูมหาวิหาราภิรักษ์ เจ้าอาวาสวัดใหญ่สุวรรณาราม เป็นพระอุปัชฌาย์
มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก จากสำนักเรียนวัดเขาตะเครา
ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดเขาตะเครามาตั้งแต่ปี พ.ศ.2495
กระทั่งเมื่อปี พ.ศ.2520 เป็นเจ้าคณะอำเภอบ้านแหลม
เมื่อปี พ.ศ.2546 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามที่ พระมงคลวชิราจารย์
เป็นพระนักพัฒนาสนับสนุนส่งเสริมการศึกษาและพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง สร้างอาคารเรียนให้แก่โรงเรียนวัดเขาตะเครา และโรงเรียนบ้านบางหอ มอบทุนการศึกษา ทุนพัฒนาโรงเรียนในเขต อ.บ้านแหลม จำนวน 32 แห่ง เป็นผู้ริเริ่มจัดกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนาโดยให้สถานศึกษา นำนักเรียน นักศึกษามาเข้าวัดปฏิบัติธรรม จัดกิจกรรมเดิน-วิ่งมินิมาราธอน เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาติดต่อกันกว่า 15 ปี
อีกทั้งยังเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เรืองวิทยาคมปลุกเสกวัตถุมงคล ที่มีชื่อเสียงวัตถุมงคลที่รู้จักกันทั่วไปคือ พระสมเด็จสะดุ้งกลับ, พระสมเด็จปรกโพธิ์, พระสมเด็จนางพญา, พระพุทธโสฬส เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังทำคุณประโยชน์แด่พระพุทธศาสนามาอย่างต่อเนื่อง เป็นผู้ปฏิรูปความเป็นอยู่ของคณะสงฆ์ในวัดด้วยการสร้างกุฏิสงฆ์ ปรับภูมิทัศน์โดยรอบเขาตะเครา ปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ สร้างมณฑปประดิษฐานหลวงพ่อทอง วัดเขาตะเครา สร้างอาคารอเนกประสงค์เฉลิมพระเกียรติแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
วัดเขาตะเคราตั้งอยู่ ต.บางครก อ.บ้านแหลม เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย สูง 29 นิ้ว หน้าตักกว้าง 21 นิ้ว เรียกกันว่า “หลวงพ่อเขาตะเครา” มีชาวเมืองและนักท่องเที่ยวไปกราบไหว้ปิดทองเป็นอันมาก จนกระทั่งบัดนี้แลไม่เห็นพุทธลักษณะเดิม
มีประวัติเล่าถึงหลวงพ่อเขาตะเคราองค์นี้ว่าเป็นพระพุทธรูปพี่น้อง 3 องค์กับหลวงพ่อโสธร จ.ฉะเชิงเทรา และหลวงพ่อบ้านแหลม จ.สมุทรสงคราม
ที่มาขอหลวงพ่อเขาตะเคราเล่าว่า เมื่อปลายสมัยอยุธยา ตอนที่ชาวบ้านแหลมเมืองเพชรบุรีหลบหนีพม่าไปตั้งหลักแหล่งอยู่ที่ปากน้ำแม่กลอง จนกระทั่งกลายเป็นบรรพบุรุษของชาวสมุทรสงครามในทุกวันนี้
วันหนึ่งชาวประมงบ้านแหลมไปตีอวนที่ปากอ่าว ได้พระพุทธรูปขึ้นมา 2 องค์ องค์หนึ่งเป็นพระยืนปางอุ้มบาตร อีกองค์หนึ่งเป็นพระปางมารวิชัย ชาวบ้านแหลมนำพระยืนไปประดิษฐานที่วัดบ้านแหลมเดี๋ยวนี้ คือ วัดเพชรสมุทรวิหาร กลางเมืองสมุทรสงคราม
ส่วนอีกองค์มอบให้ญาติชาวบางตะบูนนำมาประดิษฐานที่วัดเขาตะเครา อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี
หลวงพ่อสุขยังได้สร้างมหาเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุบนยอดเขาตะเครา สร้างศาลาท่าน้ำ สถานีอนามัย สถานีตำรวจชุมชนสาขาย่อย ต.บางครกส่งเสริมกีฬาและศิลปวัฒนธรรมประเพณี เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาต่างๆ จนสร้างชื่อเสียงให้วัดเขาตะเคราเป็นที่รู้จักของปวงชนชาวไทยและพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป
ด้วยสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง บ่ายวันอาทิตย์ที่ 11 ก.ค.2553 ถือเป็นวันแห่งความเศร้าสลดอย่างถึงที่สุด สำหรับบรรดาศิษยานุศิษย์ของพระมงคลวชิราจารย์ หรือหลวงพ่อสุข สังฆโสภโณเจ้าอาวาสวัดเขาตะเครา อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี หลังได้รับทราบข่าวร้ายเมื่อพระเกจิชื่อดังแห่งวัดเขาตะเครา ซึ่งมีอาการอาพาธด้วยโรคชรา ได้มรณภาพอย่างสงบ ด้วยวัย 88 ปี พรรษา 66
การจากไปจึงสร้างความเศร้าสลดอาลัยเป็นอย่างยิ่ง