วันพุธที่ 17 กรกฎาคม 2567 สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โปรดมีพระบัญชาให้ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน อัคคชิโน) กรรมการมหาเถรสมาคม เป็นผู้แทนพระองค์ในพิธีประทานประกาศเกียรติคุณแก่เจ้าอาวาสวัดที่ได้รับการคัดเลือกเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างที่มีผลงานดีเด่น วัดพัฒนาตัวอย่าง และอุทยานการศึกษาในวัด ประจำปีพุทธศักราช 2567 ณ วัดพระศรีมหาธาตุ เขตบางเขน กรุงเทพฯ
ปี พ.ศ.2567 มีวัดที่ได้รับการคัดเลือกเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างที่มีผลงานดีเด่น วัดพัฒนาตัวอย่าง และอุทยานการศึกษาในวัด จำนวน 129 วัด แบ่งเป็น วัดพัฒนาตัวอย่างที่มีผลงานดีเด่น จำนวน 26 วัด วัดพัฒนาตัวอย่าง จำนวน 38 วัด และอุทยานการศึกษาในวัด จำนวน 65 วัด โดยมี นางกณิกนันต์ ล้อสีทอง รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมด้วยผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ข้าราชการและเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมในพิธี
สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ได้เชิญพระโอวาทสมเด็จพระสังฆราช ความตอนหนึ่งว่า “วัดเป็นศูนย์กลางแห่งการสร้างสรรค์ปัญญาทางธรรม และความรู้ทางโลก คู่สังคมไทยมาเนิ่นนาน ทั้งยังเป็นแหล่งบ่มเพาะศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อให้เยาวชนและชุมชนได้รับการสืบทอดและเรียนรู้อย่างอารยชน แต่เมื่อสภาวะความเป็นไปของโลก ตลอดจนทัศนคติของผู้คนเปลี่ยนผันไปอย่างรวดเร็ว อาจส่งผลให้เกิดความอ่อนแอทั้งในส่วนของวัดเอง
และส่วนของสุขภาวะพลเมือง วัดจึงจำเป็นต้องปรับตัวและปรับกลยุทธ์ให้สมสมัยอยู่เสมอ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของทั้งสองภาคส่วนให้สอดรับกัน ทั้งนี้ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างวัดกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม ย่อมช่วยส่งเสริมการพัฒนาสังคมได้อย่างยั่งยืน
ท่านทั้งหลายมีหน้าที่จัดการดูแลวัด จำเป็นต้องต้องคำนึงถึงองค์ประกอบที่แตกต่างกันในชุมชน สังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และศิลปวัฒนธรรม เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์และวิธีการพัฒนาอย่างเหมาะสม และเป็นหน้าที่ของเจ้าอาวาสในการสำรวจและพัฒนาวัดและชุมชนให้ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ให้วัดเป็นสถานที่อันสวยงามรื่นรมย์ในเชิงกายภาพ สามารถผลิตอุดมการณ์ความนึกคิด มรดกทางภูมิปัญญา อีกทั้งเป็นมงคลสถานแห่งบุญกิริยาวัตถุ ที่ช่วยเสริมสร้างความสมัครสมานสามัคคีของสังคมไทยตลอดไป”
ด้านนางกณิกนันต์กล่าวว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกำหนดกรอบนโยบายในการพัฒนาและเสริมสร้างให้วัดเป็นศาสนสถานที่เป็นศูนย์กลางการเผยแผ่หลักธรรม โดยการพัฒนาวัดและศาสนสถานให้มั่นคงถาวร เหมาะสมกับเป็นศูนย์กลางในการประกอบศาสนกิจ และการจัดทำกิจกรรมของท้องถิ่น ตลอดจน เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ และเป็นอุทยานการศึกษาโดยการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัดให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ และประชาชนนำหลักธรรมไปใช้ในการปฏิบัติตนและดำรงชีวิตอย่างมีความสุข มีกิจกรรมร่วมกันและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างวัดกับชุมชน และเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมของคนในชาติ เพื่อสร้างรากฐานทางสังคมให้เข้มแข็ง
