วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน 2567 สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลงพระวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ประทานพระวโรกาสให้ นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการบรรจุใหม่ ในสังกัดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เข้าเฝ้าถวายสักการะและรับประทานพระโอวาท เนื่องในการบรรจุรับราชการ
โอกาสนี้ สมเด็จพระสังฆราชประทานพระโอวาท ความตอนหนึ่งว่า “การรับราชการในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีลักษณะที่โดดเด่นแตกต่างไปจากราชการแผนกอื่นๆ ในบ้านเมือง กล่าวคือเป็นผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสถาบันหลักของบ้านเมืองทั้ง 3 สถาบัน กล่าวคือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งเราทั้งหลายในฐานะที่เป็นพลเมืองไทยย่อมตระหนักแน่แก่ใจอยู่แล้วว่าชาติไทยจะขาดสถาบันใดสถาบันหนึ่งไม่ได้ หากสถาบันใดสถาบันหนึ่งสั่นคลอนหรืออ่อนแอ อีกสองสถาบันก็จะพลอยสั่นคลอน หรืออ่อนแอไปด้วย และนั่นย่อมหมายถึงการกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงสถาพรของราชอาณาจักรในภาพรวม”
“ท่านผู้เป็นข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการปัจจุบัน ข้าราชการที่กำลังจะเกษียณอายุราชการ หรือข้าราชการใหม่ มีหน้าที่โดยตรง ในอันที่จะประคับประคองสนองราชการให้ดำเนินไปโดยราบรื่น ก้าวข้ามปัญหาและอุปสรรคจนบรรลุผลสัมฤทธิ์อย่างเรียบร้อย เพื่อประโยชน์สูงสุดแห่งราชการ อันหมายถึงประโยชน์สูงสุดแห่งสถาบันหลักทั้ง 3 ไปพร้อมกัน จึงขอให้ทุกท่านจงมั่นคงในความซื่อสัตย์สุจริต ความขยันหมั่นเพียร และปณิธานในอันที่จะพัฒนาตนให้ถึงพร้อมด้วยความรู้ความสามารถยิ่งๆ ขึ้นไปอยู่เสมอ อย่าปล่อยตัวให้เป็นคนเฉื่อยชา เหลวไหล หวั่นไหว และโอนเอนไปตามกิเลส เพราะการคณะสงฆ์ก็ดี การอุปถัมภ์บำรุงพระศาสนาก็ดี จะอาศัยเพียงกำลังของพระภิกษุสามเณร คงดำเนินไปได้ไม่สะดวกราบรื่น หน่วยงานราชการ เช่น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จำเป็นต้องเข้ามาช่วยเหลือเกื้อกูลให้กิจการคณะสงฆ์ และพระพุทธศาสนาดำเนินไปสู่เป้าหมายได้สมตามกุศลเจตนา”
“อาตมภาพจึงขอย้ำเตือนใจทุกท่านว่า ยิ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมีความสำคัญต่อบ้านเมือง คณะสงฆ์ และพระศาสนาเพียงใด ข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติยิ่งต้องเสียสละ ทุ่มเท และเพิ่มพูนคุณธรรมจริยธรรมให้ทวีคูณมากขึ้นเพียงนั้น ส่วนท่านที่กำลังจะเปลี่ยนสถานภาพไปเป็นข้าราชการบำนาญ ก็ขอจงอย่าได้ละทิ้งจรรยาของข้าราชการ แม้ท่านมิได้เป็นข้าราชการประจำผู้รักษาการในหน้าที่ที่เคยมีเคยเป็นมาอีกต่อไป แต่จรรยาของข้าราชการที่กำกับชีวิตท่านตลอดมาจักยังคงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต จักเป็นเครื่องค้ำจุนมิให้ท่านตกต่ำ คงช่วยเชิดชูให้ท่านเป็นข้าราชการบำนาญ ผู้ดำรงชีวิตในวัยเกษียณได้อย่างมีความสุขเสมอไป”
“ในนามคณะสงฆ์ อาตมภาพขออนุโมทนาในคุณความดี ที่ข้าราชการบำนาญได้อุตสาหะบำเพ็ญมาตลอดชีวิตราชการ อีกทั้งขอฝากอนาคตของบ้านเมือง และการพระศาสนาไว้กับข้าราชการใหม่ทุกท่าน ขออำนวยพรให้ท่านจงเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย เต็มเปี่ยมด้วยกำลังแห่งความสุจริต ในอันที่จะจรรโลงพระพุทธศาสนาได้อย่างเต็มกำลังความสามารถ ตลอดกาลนานเทอญ”