วันศุกร์ที่ 14 มี.ค.2568 น้อมรำลึกครบรอบ 150 ปี ชาตกาล “หลวงพ่อพิธ” พระเกจิชื่อดังแห่งวัดฆะมัง ต.ฆะมัง อ.เมือง จ.พิจิตร มีความเชี่ยวชาญวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือไปทั่วสารทิศ เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง วิทยาคมเข้มขลัง

เป็นศิษย์สืบสายธรรมจากหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร

มีนามเดิม พิธ ขมินทกูล เกิดเมื่อวันที่ 14 มี.ค.2418 ตรงกับวันอังคาร แรม 5 คํ่า เดือน 4 ปีกุน ที่บ้านบางเพียร หมู่ที่ 4 ต.ฆะมัง อ.เมือง จ.พิจิตร เป็นบุตรของขุนหิรัญสมบัติ (ประดิษฐ์ ขมินทกูล) มารดา ชื่อนางปุย

อายุ 22 ปี เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อปี พ.ศ.2440 ที่พัทธสีมาวัดบึงตะโกน อ.เมือง จ.พิจิตร โดยมีพระครูธรรมทัสสีมุนีวงค์ (เอี่ยม) เจ้าคณะจังหวัดพิจิตรในขณะนั้น เป็นพระอุปัชฌาย์, พระมหาวิจิตร วัดฆะมัง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์พลอย วัดราชช้างขวัญ เป็นอนุสาวนาจารย์

จากนั้นไปจำพรรษาตามวัดต่างๆ เพื่อศึกษาหาความรู้ด้านพระปริยัติธรรม เพื่อนำความรู้ที่ได้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อไปในภายภาคหน้า

อาทิ วัดบางมูลนาก อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร, วัดท่าถนน ซึ่งเป็นวัดอยู่ในตลาดอุตรดิตถ์ จ.อุตรดิตถ์ วัดหัวดง อ.เมือง จ.พิจิตร โดยเฉพาะวัดหัวดง จำพรรษาอยู่นานที่สุด

อีกทั้งยังมีวัดวังปราบ จังหวัดนครสวรรค์ ฝึกวิชารักษาฝีในท้องกับพระอาจารย์สิน

ที่วัดบางคลาน อ.โพทะเล เพื่อฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเงิน และได้เรียนวิปัสสนากัมมัฏฐาน ตลอดจนความรู้ต่างๆ จนเป็นที่แตกฉาน จึงได้มาจำพรรษาที่วัดฆะมัง บ้านเกิดเมืองนอนของท่าน

นอกจากจะได้ศึกษาเล่าเรียนจากพระเกจิอาจารย์ต่างๆ แล้วยังได้เล่าเรียนวิชาความรู้จากปู่อีกด้วย นับว่าเป็นผู้เสาะแสงหาความรู้อย่างแท้จริง

อริยะโลกที่ 6 - หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง พระเกจิศิษย์หลวงพ่อเงิน

หลวงพ่อพิธ

 

เป็นพระที่มักน้อย ถือสันโดษ และไม่ยอมสะสมเงินทองจึงมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างถาวรวัตถุเพื่อบำรุงพุทธศาสนาให้ยั่งยืนสืบไป จึงได้สร้างอุโบสถถึง 5 หลัง คือ วัดฆะมัง, วัดดงป่าคำใต้ (วัดใหม่คำวัน), วัดบึงตะโกน, วัดสามขา และวัดหัวดง

ด้วยความที่เป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จึงมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว ในแต่ละวันจะมีญาติโยมจากทั่วสารทิศเดินทางมากราบนมัสการรับฟังธรรมและขอวัตถุมงคลไว้เป็นที่ระลึกถึง อาทิ ภาพถ่ายเล็กๆ ด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นภาพหลวงพ่อเงิน (พระอาจารย์ของหลวงพ่อพิธ), ตะกรุดมหารูด, ขี้ผึ้งวิเศษ

อย่างไรก็ตาม เมื่อไปนมัสการและขอสิ่งที่เป็นที่ระลึก ก็จะเตือนเสมอว่า “สิ่งที่มอบให้นี้ เป็นประหนึ่งว่าเราได้มาพบหน้าตากัน มีความเคารพต่อกันดุจญาติพี่น้องและสิ่งเหล่านี้ขอให้เข้าใจว่าเป็นอนุสรณ์ต่อกันเมื่ออยู่ห่างไกล สิ่งหนึ่งที่ควรใฝ่ใจมากๆ คือ 1.จงอย่าประมาท 2.คุณพระพุทธคุณ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุณบิดา คุณมารดา 3.จงมีศีล มีสัตย์ ภัยพิบัติจะมาไม่ถึงเพราะมีอำนาจทิพย์คอยรักษาคุ้มครองอยู่ และ 4.เมื่อใดสิ่งของอันเป็นที่ระลึกแล้วควรมีปัญญาคือ อย่าเบียดเบียนผู้อื่นให้ได้รับทุกข์อุปมาดั่ง

ช่วงบั้นปลายชีวิต สังขารเริ่มโรย ตรากตรำต่อการทำงานและหน้าที่พระคณาจารย์ ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน ทำให้เริ่มมีอาการอาพาธหนัก สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง

สุดท้าย มรณภาพด้วยอาการอันสงบ เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2488 ที่วัดฆะมัง สิริอายุ 70 ปี

สร้างความเศร้าสลดมาสู่พุทธศาสนิกชนผู้เลื่อมใสศรัทธาเป็นยิ่งนัก

ภายหลังมรณภาพ บรรดาคณะศิษยานุศิษย์และญาติพี่น้อง ต่างปรึกษาหารือกันว่า ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น ประกอบทำคุณงามความดีมากมาย ตลอดจนเป็นศิษย์เอกหลวงพ่อเงิน จึงตกลงกันว่า ควรสร้างหล่อรูปเหมือนเท่าองค์จริงไว้

ทั้งนี้ หลังจากประชุมเพลิงหลวงพ่อพิธ มีสิ่งอัศจรรย์เกิดขึ้น คือ ดวงตาทั้งสองไฟเผาไม่ไหม้ ชาวบ้านจึงเรียกขานท่านว่า “หลวงพ่อพิธตาไฟ”

คณะกรรมการผู้เก็บรักษาดวงตา ซึ่งไม่ไหม้ไฟ เห็นสมควรบรรจุดวงตาของท่านไว้ในรูปเหมือนขนาดเท่าจริง เพื่อเป็นที่สักการะ ที่วัดฆะมัง อ.เมือง จ.พิจิตร ตราบจนทุกวันนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน