“พระวชิรสารโสภณ”หรือ “หลวงพ่อจุล อิสสรญาโณ” อดีต เจ้าอาวาสวัดหงษ์ทอง และยังเป็นอดีตเจ้าคณะอำเภอขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร เป็นพระเถระที่ชาวบ้านให้ความเลื่อมใสศรัทธามาช้านาน

สร้างโรงเรียนวชิรสารโสภณและสนับสนุนโรงเรียนสลกบาตร มาเป็นเวลานาน

มีนามเดิม จุล พุทธชาติ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ ที่ 12 เม.ย.2437 ตรงกับขึ้น 10 ค่ำ ปีมะเมีย ที่บ้านสลกบาตร ต.สลกบาตร

เมื่อเยาว์วัย เรียนหนังสือที่วัดพออ่านออกเขียนได้ ครั้นจบชั้นประถมก็ออกจากวัดมาช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน

อายุ 21 ปี ได้ไปเป็นศิษย์วัด ที่จังหวัดตาก นานถึง 2 ปี

อายุ 23 ปี พิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2460 ที่อุโบสถวัดหงษ์ทอง มีพระครูติธรรมสมาทาน (เลื่อน) วัดอุดมศรัทธาราม เป็นพระอุปัชฌาย์

ภายหลังอุปสมบท อยู่จำพรรษาและศึกษา พระธรรมวินัยที่วัดสิงคาราม แต่ก็ยังไปมาระหว่างวัดหงษ์ทองกับวัดสิงคาราม

เมื่อบวชได้ 3 พรรษา กราบลาเป็นศิษย์พระครูนิวุตถ์พรหมจรรย์ (ทองอยู่) อ.เมือง จ.นครสวรรค์

หลวงพ่อทองอยู่ วัดบ้านแก่ง มีกิตติคุณและ ชื่อเสียง ท่านเป็นพระที่มีวิทยาคมขลัง ทางด้านพระปริยัติธรรม มีความรู้ดี ในแต่ละปีจะมีพระภิกษุจากเมืองนครสวรรค์-กำแพงเพชร เดินทาง ไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์เพื่อขอให้ท่านถ่ายทอดวิชาความรู้ต่างๆ ให้

กล่าวขวัญว่า “หลวงพ่อทองอยู่ วัดบ้านแก่ง” เป็นศิษย์ท่านพระครูนิวาสธรรมขันธ์ (หลวงพ่อเดิม) วัดหนองโพธิ์ แต่บางท่านกล่าวว่า หลวงพ่อทองอยู่เป็นสหายทางธรรมกับหลวงพ่อเดิม

ศึกษาในสำนักพระอาจารย์ทองอยู่หลายพรรษา ดังนั้นวิชาความรู้ต่างๆ จึงได้ไปครบทุกอย่าง คือ ด้านคันถธุระและวิปัสสนาธุระ ล้วนแตกฉาน

กาลต่อมา เมื่อวัดหงษ์ทองว่างสมภารและจะหาพระภิกษุที่เหมาะสม เพื่อเป็นเจ้าอาวาส มัคนายกพร้อมด้วยชาวบ้านสลกบาตร ได้ประชุมปรึกษาหารือเพื่อจะสรรหาเจ้าอาวาสที่มีความสามารถ จะได้ มาพัฒนาวัดให้เจริญก้าวหน้า

ทำนุบำรุงพระศาสนาและเป็นผู้ที่เอาใจใส่ในกิจการของพระศาสนาด้วยดีตลอดมา ท่านเป็นพระเถระที่มีกิตติศัพท์ที่เลื่องลือและสำคัญรูปหนึ่ง

ท่านปฏิบัติในพระธรรมวินัยโดยเคร่งครัด มีคุณูปการแก่พระศาสนาอเนกประการ ญาติมิตรและสาธุชนทั่วไป ท่านอบรมสั่งสอนให้ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอย่างดีตลอดมา

ลำดับสมณศักดิ์ ดังนี้ พ.ศ.2478 พระฐานานุกรมของพระวิบูลย์วชิรธรรม ตำแหน่งพระใบฎีกา พ.ศ.2480 ได้รับเลื่อนขึ้นเป็นพระสมุห์ พ.ศ.2481 ได้รับสมณศักดิ์ ที่พระครูวิกรมวชิรสาร พ.ศ.2502 ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระวชิรสารโสภณ

ลำดับงานปกครอง พ.ศ.2470 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดหงษ์ทอง จ.กำแพงเพชร พ.ศ.2471 เจ้าคณะตำบล สลกบาตร พ.ศ.2478 ได้รับตราตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์

พ.ศ.2487 ได้รับการแต่งตั้งเป็นสาธารณูปการจังหวัด และเป็นกรรมการตรวจสอบนักธรรม

หลวงพ่อจุล เป็นพระที่พัฒนาและสร้างสรรค์ความเจริญให้กับวัดหงษ์ทองเป็นอย่างมาก

ครั้นอายุมาก สังขารร่วงโรย หลวงพ่อจุลมีอาการอาพาธเป็นเบาหวานและโรคปอด ญาติและศิษย์ช่วยกันนำท่านไปรักษาที่โรงพยาบาลค่ายจิรประวัติ แต่อาการป่วยของท่านทรุดลง ไม่บรรเทา

ในที่สุดจึงมรณภาพเมื่อวันที่ 19 ต.ค.2512 สิริอายุ 74 ปี พรรษา 51

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน