เพียงแต่ “คสช.” เอาด้วยหรือไม่

หากย้อนกลับไปศึกษากรณีของ “ขันแดง” ซึ่งอึกทึกขึ้นไม่เพียงแต่ในพื้นที่ภาคเหนือหากแต่ยังแพร่ไปยังพื้นที่ภาคอีสาน

ก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า “คสช.” จะตกเป็นเหยื่อหรือไม่

กระนั้น เมื่อติดตามการรุกเข้าไปเยี่ยมยามบ้านของ น.ส.วาสนา เคนหล้า ที่จังหวัดอุดรธานีของบรรดาทหารและตำรวจก็รู้เป็นอย่างดีว่าเส้นทาง “ข่าว” จะเป็นเช่นใด

เป็นอันว่า “คสช.” ฮุบ “ปฏิทิน” เหมือนที่คาด

หากศึกษาบทบาทของเจ้าหน้าที่ทหารในชุดลายพราง ประสานกับการตามไปขยายผลโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ก็จะเข้าใจกระบวนการ

ยืนยันว่า ยังใช้วิธีแบบ “ขันแดง”

คำถามก็เหมือนที่ น.ส.วาสนา เคนหล้า ถามทหาร ถามตำรวจว่า การมีปฏิทินซึ่งมีภาพของ นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผิดกฎหมายข้อไหน

น่าคิดอยู่เหมือนกัน

“ก็คนที่อยู่ในปฏิทินเป็นคนที่เรารัก เป็นคนที่เราชอบ เขาจะไปทำอะไรผิดเขาจะเป็นฆาตกรก็ไปตามจับเขา แต่จะอยากได้เพราะเป็นฮีโร่ในดวงใจ”

ตรงไปตรงมา ไม่ปิดบังอำพราง

น่าสังเกตว่า ข่าวการเกาะติด “ปฏิทิน” เกิดขึ้นในบรรยากาศที่มีการขอร้องจากคสช.ว่าลดการเสนอภาพและข่าวอันเกี่ยว กับ นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลง

ลักษณะย้อนแย้งในทางการเมืองก็เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ

ยากเป็นอย่างยิ่ง เพราะอย่างน้อยพรรคเพื่อไทยก็ถือ ได้ว่าเป็นความต่อเนื่องมาจากพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน

ยิ่งพรรคเพื่อไทยก็เป็นพรรคที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยสังกัด

ยิ่งกว่านั้น ไม่ว่าการแตกพรรคออกไปเป็นพรรคเพื่อธรรม พรรคเพื่อชาติ พรรคไทยรักษาชาติ หรือแม้กระทั่งพรรคประชาชาติ ก็มีความเกี่ยวเนื่องในทางจิตใจ

ไม่ว่า นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ในบรรยากาศแห่งการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ ภายหลังวาระดิถีปีใหม่เดือนมกราคม 2562 เพียง 1 เดือน หากห้าม “ปฏิทิน” และจะห้ามอย่างอื่นได้หรือไม่

คำถามนี้พุ่งตรงไปยัง “คสช.”

ประเด็นอยู่ที่ว่าคสช.จะเข้าไปมีบทบาทในการ เลือกตั้ง ในการหาเสียงของแต่ละพรรคการเมืองและยังคิดและแสดงออกเหมือนกับที่กระทำต่อ “ปฏิทิน” หรือไม่

จุดนี้อาจจะกลายเป็นอีกความร้อนแรง 1 ทางการเมือง