วิเคราะห์การเมือง : รอยร้าว การเมืองภายใน ชาติไทยพัฒนาและ ประชาธิปัตย์
วิเคราะห์การเมือง : ไม่ว่ากรณีของ นายเจือ ราชสีห์ ที่สงขลา ไม่ว่ากรณีของ นายจองชัย เที่ยงธรรม ที่สุพรรณบุรี เหมือนกับเป็นเรื่องภายในของพรรคประชาธิปัตย์ เหมือนกับเป็นเรื่องภายในของพรรคชาติไทยพัฒนา
เป็นเช่นนั้นจริง เพราะว่ากรณีของ นายเจือ ราชสีห์ คือ รูปธรรมแห่งผลสะเทือนจากการต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเมื่อเดือนพฤศจิกายนเมื่อถึงเวลาในการจัดสรรคนลงสมัครก็จำเป็นต้องเลือก
เพราะว่ากรณีของ นายจองชัย เที่ยงธรรม ก็เป็นผลสะเทือนอันเนื่องแต่การต้องลดบทบาทบรรดา “ยังบลัด” ทั้งหลายที่แม้กระทั่ง นายวราวุธ ศิลปอาชา ก็ต้องทำตัวให้เงียบเข้าไว้
เป็นเช่นนั้นจริงละหรือ
ถามว่าทำไมภายในพรรคประชาธิปัตย์จึงต้องมีสายของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำไมจึงต้องมีสายของ นายถาวร เสนเนียม
คำตอบอาจอยู่ที่การดัน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ขึ้นสู้ แต่หากสาวลึกไปจริงๆ เรื่องนี้ยังสัมพันธ์กับกปปส. สัมพันธ์กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และสัมพันธ์กับบทบาทของ นายถาวร เสนเนียม อย่างยากจะแยกจากกันได้
ถามว่าบทบาทของ “กปปส.” เป็นอย่างไร
เป็นบทบาทที่แม้กระทั่ง นายชวน หลีกภัย และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ออกไปร่วมเป่านกหวีด กับ นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ นายถาวร เสนเนียม มิใช่หรือ
ในที่สุด รางวัลที่ได้มาก็คือ “รัฐประหาร”
ย้อนกลับไปดูกรณีอันเกิดขึ้นที่พรรคชาติไทยพัฒนา ถามว่าเหตุใดจึงต้องมีการเปลี่ยนหัวจากที่เคยมอบหมายให้กับ “กลุ่มยังบลัด” มาเป็น “โอล บลัด”
กระทั่งแม้กระทั่ง นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ก็ต้องปลิว
คำตอบ 1 มิใช่เพราะบทบาทของ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล และกลุ่มยังบลัด พุ่งปลายหอกเข้าใส่รัฐประหาร เข้าใส่คสช.มิใช่หรือ
คำตอบ 1 เพราะการเข้ามาของตระกูล “สะสมทรัพย์”
ผลก็คือ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ต้องเป็นหัวหน้าพรรค ผลก็คือ นายประภัตร โพธสุธน ต้องเป็นเลขาธิการพรรค และก็เอนไปทางคสช.มากยิ่งขึ้น
จำเป็นที่บรรดา “ยัง บลัด” จักต้องจร
ในที่สุดแล้ว ปัญหาอันกำลังปะทุและร้อนแรงไม่ว่าภายในพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าภายในพรรคชาติไทยพัฒนา ล้วนมีสาเหตุและต้นตอมาจากแหล่งเดียวกัน
นั่นก็คือ 1 รัฐประหาร 1 คสช.
หากไม่เกิดรัฐประหารการแตกกลุ่ม แยกสายภายในคงไม่กลายเป็นประเด็น การเบียดเข้ามาของพลังบางพลังที่ต้องการหลักประกันในการต่อท่ออำนาจคงไม่กลายเป็นประเด็น
นี่คือปมที่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนาจักต้องขบและหาทางออก
