พันธมิตร แนวร่วม ปฏิญญา แลงคาสเตอร์ เพื่อต่อต้าน ‘คสช.’
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
วิเคราะห์การเมือง – หากไม่มีปรากฏการณ์ “ปฏิญญา แลงคาสเตอร์” จากพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่และพันธมิตรประกาศขึ้นการดำรงอยู่ของพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา และแม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์
ก็สดใสและกาววาวอย่างยิ่ง
สดใสและกาววาวในฐานะอันเป็น “ตัวแปร” ที่สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสมการแห่งคณิตศาสตร์การเมืองได้ในฉับพลัน
ไม่ว่าจะไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะไปร่วมกับพรรคเพื่อไทย
แถลงที่ว่าจะรอความชัดเจนของตัวเลขการเลือกตั้งจาก กกต. อาจฟังดูดีมีเหตุผลทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงคือการรอคอยและต่อรองในเชิงผลประโยชน์
ความโน้มเอียงอันเด่นชัดยิ่งก็คือ แม้จะปรากฏ “ปฏิญญา แลงคาสเตอร์” แต่เมื่อมีการเลือกนายกรัฐมนตรี ในที่ประชุมรัฐสภาโอกาสของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ย่อมมีสูงกว่า
เพราะอย่างน้อยก็มี 250 ส.ว. ตุนอยู่แล้วในมือ
หากผนวก ส.ส.จากพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปกับของพรรคพลังประชารัฐทุกอย่างก็ราบรื่นเหมือนยืนอยู่บนเนินเขา
นั่นเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ตัดสินใจ มิใช่หรือ
ในยุคของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ก็เป็นเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็น ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ไม่ว่าจะเป็น พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ ไม่ว่าจะเป็น นายบรรหาร ศิลปอาชา
ถามว่าเหตุใดลักษณะการแทงกั๊กแบบที่พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคประชาธิปัตย์ แสดงออกจึงถูกมองอย่างแปลกแปร่ง
คำตอบ 1 เพราะว่าเป็นในเดือนมีนาคม 2562
เพราะการเมืองได้ผ่านรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 เพราะการเมืองได้ผ่านรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 และอยู่ในร่มเงาแห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560
ผ่านรัฐประหาร 2549 ผ่านรัฐประหาร 2557
อย่างน้อยก็มีพรรคดาวรุ่งพุ่งแรงอย่างพรรคอนาคตใหม่ อย่างน้อยการก่อรูปของ “ปฏิญญา แลงคาสเตอร์” ก็เหมือนกระดูกชิ้นเบ้อเร่อในทางการเมือง
สภาพการณ์ทางการเมืองหลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม เป็นการเมืองที่กำลังเดินเข้าไปอยู่ในล็อกอย่างชนิดที่เรียกว่า “เดด ล็อก”
ขณะที่ “อำนาจ” ในมือของ “คสช.” ก็ไม่เหมือนเดิม
ขณะที่พลังซึ่งต่อต้านรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 และเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ก่อรูปขึ้นกระทั่งสามารถประกาศ “ปฏิญญา แลงคาสเตอร์” ออกมา
ก่อเกิดพันธมิตรแห่งแนวร่วมต่อต้านการสืบทอด อำนาจของคสช.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :