คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
คำถาม คำตอบ เอา ไม่เอา ประยุทธ์ หลัง “เลือกตั้ง”
วิเคราะห์การเมือง – เหมือนกับคำประกาศอันออกมาจากพรรคเพื่อไทย เหมือนกับคำประกาศอันออกมาจากพรรคพลังประชารัฐที่สำแดงตนเป็นคนจัดตั้งรัฐบาล
จะเท่ากับเป็นการเล่นกลกลางอากาศ
เพราะว่าพรรคเพื่อไทยมี 137 ส.ส.อยู่ในมือ เพราะว่าพรรคพลังประชารัฐมีคะแนนรวม 7.9 ล้านเสียงอยู่ในมือ
แต่พลันที่พรรคอนาคตใหม่แสดงการเห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทย
ที่มองว่าเป็นการเล่นกลกลางอากาศก็เริ่มมิใช่แล้วเพราะไม่เพียงแต่จะมี 88 ส.ส.เข้ามาร่วม หากแต่ยังมีคะแนนรวม 5.8 ล้านเสียงเข้ามาด้วย
ผลอย่างฉับพลันทันใดก็คือ 137 ส.ส.ของพรรค เพื่อไทยก็ทะยานไปเป็น 215 ส.ส. ผลก็คือคะแนนรวม 7.4 ล้านเสียงของพรรคเพื่อไทยก็ทะยานไปเป็น 13.2 ล้านเสียง
มากกว่า 120 ส.ส.ถึง 95 มากกว่า 7.9 ถึง 5.3 ล้านเสียง
ไม่ว่าจะมองจากตัวเลขของส.ส. ไม่ว่าจะมองจากตัวเลขของฐานคะแนนรวม ฝ่ายของพรรคเพื่อไทยย่อมมีความเหนือกว่าพรรคพลังประชารัฐ
สิ่งที่หลายคนรอคอยก็คือ การเคลื่อนไหวของแต่ละพรรคการเมือง
แม้ว่าจำนวน 5 ส.ส.ของพรรครวมพลังประชาชาติไทยพร้อมที่จะแสดงการเป็นฝ่ายเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ แต่ก็เป็นจำนวนที่น้อยกว่าของพรรคอนาคตใหม่ อย่างยิ่ง
สายตาในทางสังคมจึงทอดมองไปยัง 56 ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ และ 53 ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยว่าเอนไปฟากฝ่ายใดในทางการเมือง
ไปกับพรรคเพื่อไทยหรือไปกับพรรคพลังประชารัฐ
การตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ การตัดสินใจของพรรคภูมิใจไทย ก็ทรงความหมาย ขึ้นโดยอัตโนมัติ
เรียกว่าเป็นพรรคในลักษณะอันเป็น “ตัวแปร”
อย่าได้แปลกใจหากทาง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประกาศว่ามิได้ยึดติดกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมเจรจาหาทางออกร่วมกับทุกพรรคการเมือง
ประเมินผ่านคำประกาศอันมาจากพรรคเพื่อไทย ประเมินผ่านคำประกาศอันมาจากพรรคอนาคตใหม่ 2 พรรคนี้มีจุดร่วมเด่นชัด
เด่นชัดว่าต้องการขจัด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกไป
จึงนำไปสู่ข้อเสนออันแหลมคมยิ่งในทางการเมือง นั่นก็คือ จะเอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือจะไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นี่ย่อมเป็น “คำถาม” ที่ต้องหา “คำตอบ” ในการจัดตั้งรัฐบาล
อ่านข่าว