ที่มาของปรากฏการณ์

ชกไม่มีมุม

หลังกลายเป็นข่าวกระหึ่มไปทั้งสังคม ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดนายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือ “น็อต กราบรถกู” ได้พลิกท่าทีใหม่ เปลี่ยนมาเป็นสำนึกผิด และประกาศขอโทษทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ขอโทษสังคม ขอโทษคู่กรณี

ที่สำคัญ ได้ยุติการแจ้งความเอาผิดหนุ่มมอเตอร์ ไซค์คู่กรณีเรียบร้อยแล้ว

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เป็นใครก็ต้องงงว่า ยังจะยืนกราน แจ้งจับคู่กรณีไปเพื่ออะไร

เป็นแนวทางการอาศัยข้อกฎหมาย ที่ไม่น่าจะเป็นผลดี ต่อตนเองเลย

อาจจะเป็นไปได้ว่า หลังเกิดเหตุอื้อฉาวใหม่ๆ น่าจะได้ รับคำปรึกษาจากนักกฎหมายสไตล์แข็งกร้าว

เลยเดินหน้าทางคดีไม่มีถอย

ทั้งที่ในทางสังคมแล้ว ภาพเหตุการณ์จากคลิปนั้น ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรอีก!?

การลงมือใช้กำลังฝ่ายเดียว โดยอีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีต่อสู้ จนกระทั่งการสั่งให้กราบรถนั้น

เกินกว่าที่ผู้คนในสังคมจะยอมรับได้

แต่เอาเป็นว่า ท่าทีล่าสุดของอดีตดาราอดีตพิธีกรที่ว่า ขอสำนึกผิด และขอโทษทุกฝ่ายจากใจจริง รวมทั้งเลิกใช้ท่าทีแข็งกร้าวทางกฎหมายกับอีกฝ่าย

ถือว่าน่าจะถูกต้องที่สุด และน่าจะช่วยคลี่คลายอารมณ์ของคนในสังคมที่มีต่อน็อต ลงไปได้มากโข!

ทั้งน่าจะช่วยบรรเทาผลในทางคดี ที่ฝ่ายหนุ่มมอเตอร์ ไซค์แจ้งความดำเนินคดีกรณีถูกทำร้ายและถูกบังคับขืนใจ ได้ไม่น้อย

มองในแง่นี้ น่าจะเป็นข้อแนะนำคำปรึกษาทางกฎหมาย ที่เล่นเป็นกว่าแนวทางเดิม

อีกทั้งเชื่อว่า ในทางกระแสสังคม จะช่วยให้น็อตดูดีขึ้นมาก กระทั่งจะช่วยให้ภาพน็อตกราบรถ ค่อยๆ จางหายไป

เชื่อว่าเหตุการณ์นี้น่าจะคลี่คลายไปได้ด้วยดี แต่พร้อมๆ กันควรจะเป็นบทเรียนสำคัญให้กับเหล่าดาราคนดังทั้งหลาย

หากทบทวนปรากฏการณ์นี้ให้ดีจะพบว่า นี่ไม่ใช่เรื่องของคนหนุ่มอารมณ์ร้อนหรือหวงแหนทรัพย์สินจนลืมตัว

แต่นี่คือผลพวงจากการปลูกฝังทัศนคติที่แพร่หลายในหมู่ศิลปินนักแสดงกลุ่มหนึ่ง

อันเนื่องมาจากการเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ปลุกให้ คนชั้นกลาง ดารานักแสดง มนุษย์ออฟฟิศ ในเมืองหลวง ลุกฮือขึ้นมา

แสดงพลังของคนมีฐานะในเมือง ที่ไม่ยอมรับนักการเมืองที่ใช้เงินงบประมาณหว่านไปยังชนบท

ไม่ยอมรับคนต่างจังหวัดในด้านสิทธิเสียงทางการเมือง โดยหมิ่นแคลนว่าไม่มีความรู้มากพอ

ที่สำคัญ ปลุกเร้ากันจนสามารถชี้หน้าตัดสินคนคิดต่างได้ง่ายๆ โดยไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ข้อมูลที่กรอกหูให้กัน

นี่คือสิ่งที่เหล่าคนมีอันจะกินและคนดังในเมืองหลวงกลุ่มหนึ่ง พึงตรวจสอบตัวเอง!