คอลัมน์ ชกไม่มีมุม

วงค์ ตาวัน

การตัดสินว่าโครงการจำนำข้าวเลวทรามทำลายชาตินั้น เป็นการชี้ถูกผิดกันเองโดยคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ชาวนา ไม่เคยถามชาวนา รวมทั้งไม่เคยมีข้อเสนอทางอื่น หรือไม่คิดเอาไว้ด้วยซ้ำว่า ถ้าโครงการนี้ล้มไปแล้ว จะมีอะไรมารองรับปัญหาราคาข้าวที่จะต้องตามมา

จนสุดท้ายราคาเหลือกิโลกรัมละ 5 บาท จึงเริ่มขยับมาช่วยเหลือกันในวันนี้

ถ้าหากการกล่าวหาโครงการจำนำข้าวว่าชั่วร้ายมหาประลัยนั้น กระทำโดยพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ใช้กระบวนการตรวจสอบผ่านรัฐสภา

นั่นคือการทำหน้าที่ที่ถูกต้อง ช่วยรักษาประโยชน์ของชาติ สร้างการเรียนรู้หาความจริงให้กับทั้งสังคม

ที่สำคัญ ข้อมูลที่ฝ่ายค้านนำเสนอนั้น ประชาชนทั่วประเทศ รวมทั้งชาวนาเองที่รับฟังแล้วนำไปชั่งน้ำหนัก

จะกลายเป็นข้อสรุป และตัดสินในการเลือกตั้งครั้งต่อไป!

เพราะเป็นนโยบายของพรรคการเมืองที่หาเสียงเอาไว้กับประชาชน และแถลงเอาไว้กับรัฐสภา จึงต้องปฏิบัติ

สุดท้ายนโยบายทางการเมือง ต้องตัดสินด้วยกลไกทางการเมือง ทั้งการอภิปรายในสภาและในวันที่ประชาชน ลงคะแนนเลือกตั้ง

แต่ลงเอยแกนนำพรรคการเมืองที่ต้านจำนำข้าว โดดไปร่วม นำม็อบในปี 2556-2557 นำมวลชนไปปิดล้อมธนาคาร ปิดล้อม สถานทูตต่างๆ

เพื่อไม่ให้สนับสนุนโครงการของรัฐบาลยิ่งลักษณ์

ผลก็คือ ทำให้เงินที่จะใช้ในการจ่ายให้ชาวนาตามโครงการ เป็นอันสะดุดไปหมด

ลงเอยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ล้ม จำนำข้าวก็ล้ม ประชาธิปไตยก็หยุด และกลายเป็นคดีความตามมาอีกมากมายในช่วงรัฐบาลพิเศษ

น่าเสียดายที่จำนำข้าว ไม่มีโอกาสได้ตัดสินตามครรลองประชาธิปไตย แต่ใช้อำนาจพิเศษมาจัดการแทน!

สำหรับชาวนาแล้ว ใครคือผู้ที่ทำร้ายทำลาย น่าจะหาคำตอบได้ไม่ยาก

ถ้าเป็นการตรวจสอบเปิดโปง แล้วนำเสนอทางออกที่ดีกว่า นั่นคือการสร้างสรรค์ ไม่ควรมุ่งเพียงทำลายล้าง โดยไม่เห็น หัวดำๆ ของชาวนา

เมื่อปัญหาราคาข้าวในปีนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่

แล้วเมื่ออดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ เดินเข้าไปหาชาวนา ไปร่วม ช่วยกับชาวนา จนกลายเป็นทางออกที่ทั้งสังคมเห็นพ้องด้วย

แต่ผู้ที่มุ่งทำลายก็ยังเอาแต่เตะตัดขา หาช่องโจมตี ในทุกลมหายใจ!?!

โดยไม่เคยเสนอทางออกที่ดีกว่า

คนกลุ่มนี้ สังกัดพรรคการเมืองที่ตรงกันข้ามกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์

แต่แฟนๆ ของพรรคการเมืองดังกล่าวเริ่มตั้งคำถามกับคนกลุ่มนี้ว่า

เป็นไส้ศึก ที่เขาส่งมาตัดคะแนนเสียงของพรรคเราตลอดเวลาหรือเปล่านี่!?

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน