“วงค์ ตาวัน”
เมื่อมีภาพข่าว 2 อดีตนายกฯทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ เผยแพร่ในโซเชี่ยลมีเดีย หรือตามสื่อต่างๆ ย่อมมีทั้งคนที่ชอบดูและคนที่ชิงชัง แต่สำหรับกลุ่มคนที่ร่วมในขบวนการ โค่นล้มรัฐบาลทั้ง 2 ยุคดังกล่าว ต้องรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่ และเป็นที่บาดตาบาดใจยิ่งนัก
เพราะภาพข่าวของแม้ว-ปู ที่กลายเป็นข่าวไปทั่วนั้นคือ ภาพความเคลื่อนไหวเดินทางท่องเที่ยว หรือไปร่วมกิจกรรมตามคำเชิญ ในประเทศต่างๆ
นอกจากเป็นสิ่งที่ยืนยันว่า ทั่วโลกล้วนเปิดประตูต้อนรับ แถมไม่ร่วมมือกับทางการไทยในการจับตัวส่งกลับมาให้
เพราะเขามองว่า หนีเพราะปัญหาการโค่นอำนาจทางการเมืองอย่างไร้กฎกติกา จึงไม่มองข้อหาเรื่องคดีทุจริต
ด้วยคดีทุจริตเป็นคดีที่ดำเนินการในช่วงของอำนาจรัฐบาลรัฐประหาร!?!
ไม่เท่านั้น ภาพข่าวเหล่านี้ ยังบ่งบอกว่า 2 พี่น้องชินวัตร ไม่ได้หนีแบบหัวซุกหัวซุน อยู่อย่างยากลำบากหวาดผวาแต่อย่างใด
กลับไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระเสรี
จริงอยู่คนที่ไม่สามารถเดินทางกลับมาสู่บ้านเกิดเมืองนอน ย่อมมีความทุกข์อยู่ไม่น้อย
ลึกๆ ย่อมปรารถนาได้กลับมาสู่เมืองไทย
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ชีวิตในต่างประเทศนั้น จะอยู่อย่างซึมเศร้า หรือต้องหลบซ่อนไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน
เพราะจุดสำคัญคือ ทั่วโลกไม่ยอมรับกระบวนการโค่นล้มอำนาจทางการเมืองในบ้านเราช่วงกว่าสิบปีมานี้
ด้วยการจัดม็อบเพื่อเรียกหาการรัฐประหาร แล้วเกิดการล้มประชาธิปไตย 2 ครั้ง 2 หน ในปี 2549 และ 2557
ถ้าหากการโค่นล้มตระกูลชินวัตร มาด้วยการเห็นชอบของประชาชนคนส่วนใหญ่ เข้าคูหากาบัตรเลือกพรรคการเมืองอื่น
แล้วต่อมาถูกดำเนินคดีทุจริตคดโกง จากนั้นจะหลบหนีออกนอกประเทศ ย่อมไม่ได้รับการต้อนรับจากชาติไหนอย่างแน่นอน
แต่เพราะเล่นกันนอกกติกา ไม่เคารพประชาธิปไตย และทำลายสิทธิเสียงทางการเมืองในมือของประชาชนส่วนใหญ่ ก็เลยเป็นเช่นนี้
เลยมีภาพบาดตาบาดใจบรรดาผู้ที่อยู่ในขบวนการโค่นล้มชิงอำนาจอย่างไม่เคารพหลักประชาธิปไตย
ขณะเดียวกันที่เคยปลุกเร้าประชาชนให้เข้าร่วมล้มรัฐบาลทั้ง 2 ยุค ทั้งที่เป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้งแท้ๆ
วันนี้ก็ไม่สามารถอธิบายให้มวลชนเข้าใจได้ว่า แล้ว 2 นักโทษหนีคดีที่ช่วยกันขับโค่นนั้น
เหตุใดจึงมีอิสระเสรี เดินทางไปไหนมาได้ โดยประเทศส่วนใหญ่ในโลกล้วนอ้าแขนรับ
ในทางกลับกัน ประเทศเราเองที่ยังไม่มีประชาธิปไตย กลับถูกนานาชาติรังเกียจ กระทบถึงการลงทุนค้าขาย
4 ปีมานี้ คนในประเทศไทยเราเอง ไม่มีปัญหาปากท้องกันเลยใช่ไหม!??
