“วงค์ ตาวัน”
ท่าทีของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และท่าทีของพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่ใช้วิธีรูดซิปปาก ไม่ขอพูดถึงกระบวนการติดตามตัวอดีตพระพรหมเมธี ซึ่งขณะนี้อยู่ในการควบคุมดูแลของทางการเยอรมัน
โดยอยู่ระหว่างลุ้นรอผลการยื่นขอลี้ภัย
ขณะที่ตำรวจไทยก็อยู่ระหว่างรอการพิจารณาของทางการเยอรมัน ว่าจะส่งตัวมาให้ไทยนำกลับมาดำเนินคดีทุจริตเงินทอนวัดหรือไม่!?
หลังจากที่พล.ต.อ.จักรทิพย์ นำทีมไปประสานงาน พร้อมส่งเอกสารพยานหลักฐานทางคดีเงินทอนวัด ไปให้ฝ่ายเยอรมันพิจารณาไปแล้วตั้งแต่เมื่อตอนต้นเดือนมิถุนายน
ขั้นตอนขณะนี้ จึงเป็นเรื่องของทางการเยอรมันที่จะชั่งน้ำหนักว่าควรรับฟังคำร้องของฝ่ายไหน
ระหว่างที่ต้องรอผล ทั้งบิ๊กป้อมและบิ๊กแป๊ะ วางท่าทีสงบนิ่ง!
เพื่อไม่ให้ทางการเยอรมันรวมทั้งกระแสสังคมของประชาชนในเยอรมัน รู้สึกหงุดหงิดกับฝ่ายตำรวจไทยและทางการไทย
หากไปจุ้นจ้าน หรือมากไป เยอะไป
อาจส่งผลเสียได้
ต้องถือว่าเป็นคดีที่มีความละเอียดอ่อน เพราะเป็นอำนาจในการพิจารณาของฝ่ายเยอรมัน ทางฝ่ายไทยเราไม่มีสิทธิ์ไปกดดันอะไรได้!
ไม่ใช่แค่เรื่องอำนาจพิจารณาของเยอรมันเท่านั้น
จะเห็นได้ว่า ยังมีกระบวนการสร้างข่าวลือปั่นป่วนในทุกย่างก้าวที่พล.ต.อ.จักรทิพย์เคลื่อนไหว
โดยหลังจากที่บินไปแฟรงก์เฟิร์ตเมื่อตอนต้นเดือนมิถุนายน เมื่อกลับมาถึงไทย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ก็ไม่พูดจาให้สัมภาษณ์อะไรเลย
จากนั้นอีกสัปดาห์ต่อมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ บินไปยังปารีส ไปเป็นแขกรับเชิญของโปลิศฝรั่งเศส เพื่อดูงานมหกรรมอาวุธ
จู่ๆ ก็มีข่าวสะพัดว่า บินไปประสานกับตำรวจสากล ที่ฝรั่งเศส เพื่อให้เข้าช่วยเจรจากับทางการเยอรมันอีกแรง หวังเอาตัวพรหมเมธีกลับมาให้ได้
จนกระทั่งมีภาพหลักฐานยืนยัน เห็นบิ๊กแป๊ะกำลังเดินดูรถหุ้มเกราะ เล็งอาวุธปืน
พร้อมทั้งมีคำอธิบายว่า เรื่องพรหมเมธีนั้น เลยขั้นตอนตำรวจไทยและตำรวจสากลไปหมดแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปปารีสเพื่อตามตัวพรหมเมธี
แต่ก็ยังมีความพยายามสร้างข่าวเพื่อปั่นป่วนต่อมาอีก
ถึงตอนนี้ก็คงเข้าใจกันได้แล้วว่า ทำไมผู้รับผิดชอบในการติดตามตัวพรหมเมธี จึงไม่พูดไม่ออกข่าวใดๆ
ส่วนใครที่ขยันสร้างข่าว เพื่อป่วน
ต้องมีเจตนาเพื่อให้การขอตัวพรหมเมธีกลับมาดำเนินคดีต้องล้มเหลวนั่นเอง!