“วงค์ ตาวัน”
เป็นเรื่องดีที่ พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ออกมาชี้แจงแทน พล.อ.ธีรชัย นาควานิช อดีตผบ.ทบ.และพล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ปฏิเสธว่า ไม่ได้รู้จักหรือไม่ได้เป็นเครือญาติกับนายสุรพล นาควานิช ผู้ยื่นจดทะเบียนก่อตั้งพรรคประชาชาติ
นามสกุลเพียงแค่พ้องกัน แต่ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ เลย ทั้งขอยืนยันว่าทั้งพล.อ.ธีรชัยและพล.ท.ปิยวัฒน์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนกลุ่มการเมืองใดพรรคใดพรรคหนึ่ง
แถมโฆษกทหารยังระบุด้วยว่า มีบางสื่อพยายามเสนอข่าวเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจผิดว่า เกี่ยวพันกัน
จึงต้องออกมาแถลงปฏิเสธอย่างเป็นทางการ
ซึ่งเป็นการแถลงที่เป็นผลดีทั้งต่ออดีตผบ.ทบ.และแม่ทัพ 4
รวมทั้งต่อพรรคประชาชาติเอง ที่คงไม่ต้องการให้เกี่ยวข้องกับนายทหารใหญ่หรือกลุ่มอำนาจอย่างแน่นอน!!
ในส่วนของนายสุรพล นาควานิช เอง ก็ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนไปตั้งแต่เริ่มปรากฏตัวไปยื่นขอจดทะเบียนพรรคประชาชาติ
โดยบอกว่า นามสกุลที่ใช้นั้น ใช้ตามปู่ที่เป็นชาวนครศรีธรรมราช
ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับนายทหารใหญ่แต่อย่างใด
ทั้งขอย้ำว่าพรรคประชาชาติ ไม่ได้เป็นนอมินีของทหารหรือคสช.อย่างแน่นอน!
ต่อมาเมื่อเปิดตัวนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรค นายวรวีร์ มะกูดี รองหัวหน้าพรรค พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคและแกนนำหลักๆ
ยิ่งชัดเจนว่า ไม่ได้ยืนเคียงข้างคสช.หรือทหาร
ส่วนหนึ่งย้ายมาจากพรรคเพื่อไทย อีกส่วนเป็นข้าราชการที่ทำงานมีผลงานอยู่ในใจของคน 3 จังหวัดใต้ และโดนเด้งเข้ากรุทันที เมื่อทหารเข้าคุมอำนาจการปกครองเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557
รวมทั้งการเกิดของพรรคประชาชาติ น่าจะสอดคล้องกับสถานการณ์ในช่วงระยะนี้ของพื้นที่ 3 จังหวัดใต้
สถานการณ์ที่เป็นยุคทหารควบคุมการแก้ไฟใต้อย่างเต็มกำลัง ซึ่งจะพบว่าเหตุรุนแรงยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง ประชาชนในพื้นที่ ยังไม่ได้พบกับชีวิตที่สงบสุขอย่างแท้จริง
สถานการณ์ที่คน 3 จังหวัดใต้ ได้แสดงออกในวันลงประชามติ 7 สิงหาคม 2559!
โดยไม่รับรัฐธรรมนูญฉบับคสช.อย่างหนักแน่น
สถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นอย่างนี้แล้ว การตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมาแล้วแอบอ้างหรือวางจุดยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับแกนนำทหารกับแกนนำคสช.
แล้วจะได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนได้หรือ!?
พรรคประชาชาติจึงยืนยันมาตลอดว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอำนาจกองทัพ
เมื่อผู้นำทหารก็ออกมาร่วมปฏิเสธแบบนี้ ถือว่าเป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่ายแน่นอน!
