“วงค์ ตาวัน”

ผลโพลของศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่พบว่าความเห็นของประชาชนส่วนใหญ่ ต้องการให้พรรค การเมืองใช้สื่อโซเชี่ยลมีเดีย ในการเคลื่อนไหวทางการเมือง ในช่วงการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ทั้งผ่าน เฟซบุ๊ก เฟซบุ๊กไลฟ์ หรือไลน์ หรือยูทูบ

ชาวบ้านที่ตอบโพลเห็นว่า การใช้สื่อโซเชี่ยลมีเดียเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของพรรคการเมืองต่างๆ จะเกิดผลดี

ชาวบ้านเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย

รวมทั้งกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมในทางการเมืองได้มากขึ้น

ส่วนคำถามถึงการห้ามใช้สื่อโซเชี่ยลมีเดีย คำตอบของประชาชนเห็นว่า รู้สึกเหมือนถูกปิดกั้นข้อมูล

รู้สึกเหมือนประเทศยังไม่พัฒนา ไม่มีอิสระ!!

แต่แน่นอน ในโพลนี้พบว่า มีประชาชนอีกส่วน แต่ก็เป็นเปอร์เซ็นต์ส่วนน้อยกว่า ที่เห็นว่าโซเชี่ยลมีเดียมี ข้อเสีย มีการบิดเบือนข้อมูล มีการใส่ร้ายโจมตี และถึงขั้นเห็นว่า จะทำให้เกิดความขัดแย้งแตกแยก

แต่นั่นก็เป็นเหตุผลที่เรามักได้ยินได้ฟังบ่อยๆ และน่าจะเป็นเหตุผลเดียวกันกับคสช.ที่มีคำสั่งห้ามพรรคการเมืองในเรื่องโซเชี่ยล

ขณะที่เสียงส่วนใหญ่ในโพลต้องการให้เปิดกว้างในการหาเสียงผ่านโซเชี่ยล

ทั้งน่าเชื่อว่า คงเป็นความเห็นของคนส่วนข้างมากในประเทศนี้ด้วยซ้ำ ไม่เพียงแค่ประชาชนส่วนที่ตอบผลสำรวจดังกล่าว

เพราะวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่ของบ้านเรา เข้าถึง โซเชี่ยลมีเดียแล้วแทบทั้งสิ้น

สื่อใหม่สื่อดิจิตอล ไม่ได้จำกัดอยู่แค่คนรุ่นใหม่ ไม่แค่คนทำงานที่เกี่ยวข้องกับออนไลน์เท่านั้น!

วันนี้ ชนชั้นล่าง คนทำงานรับจ้างทั่วไป ก็อยู่กับ โซเชี่ยล เกษตรในท้องไร่ท้องนา ใช้ข้อมูลด้านพืชผล ราคาสินค้า ดูพยากรณ์ลมฟ้าอากาศ ในจอมือถือแล้วทั้งสิ้น

จึงไม่น่าแปลกใจ ที่คนส่วนใหญ่เห็นว่า ควรเปิดกว้างในการหาเสียง ในการเคลื่อนไหวเลือกตั้ง ผ่านสื่อที่ทันสมัยและใกล้ตัวคนไทยทุกคน

ในโพลยังบอกอารมณ์ความรู้สึกที่ว่า การสั่งห้าม ก็เสมือนการปิดกั้นข้อมูล เหมือนประเทศยังไม่พัฒนา ไม่มีอิสระ

แต่คิดกลับกัน ก็เป็นไปได้ว่า คสช.กำลังจะบอกประชาชนอย่างนั้นจริงๆ

นั่นคือ เรายังต้องมีการควบคุม เราจะยังให้มีอิสระเต็มที่ไม่ได้!?!

ตอนที่ม็อบนกหวีดบอกว่า ยังไม่ยอมให้มีเลือกตั้ง ต้องปฏิรูปก่อน

นั่นคือการหมิ่นแคลนประชาชนมาแล้วครั้งใหญ่ ว่ายังไม่มีความรู้มากพอ

วันนี้กำลังจะมีเลือกตั้ง แต่ยังห้ามใช้โซเชี่ยล

สงสัยคิดว่าประชาชนยังไม่มีความรู้ด้านสื่อใหม่ดีพอ!!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน