“วงค์ ตาวัน”
เจตนาคงไม่ได้ลึกซึ้งอะไร สำหรับติ่งเกาหลี 2 ราย ที่อาศัยเส้นสายเพื่อให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรอำนวยความสะดวก พาเข้าไปในพื้นที่ควบคุมด้านในของอาคารสนามบินสุวรรณภูมิ ก็แค่ความคลั่งไคล้ในศิลปินชาวเกาหลี และเพื่อจะอวดต่อสาธารณะว่า มีเส้นใหญ่จนสามารถเข้าไปจับมือพี่ซอกได้ก่อนใครเพื่อน
แต่ผลที่ตามมาร้ายแรงมหาศาล
ส่งผลกระทบต่อคำว่ามาตรฐานความปลอดภัยของ สนามบินนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
ผลร้ายแรงนี้เกี่ยวข้องกับวงการการบินพาณิชย์ทั่วโลก เกี่ยวข้องกับมาตรฐานขององค์การด้านความปลอดภัย การบินระดับโลก
ทั้ง 2 รายที่ปลอมตัวบุกรุกเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามนี้ โชว์พยานหลักฐานมัดตัวเองแน่นหนา มีโทษทางกฎหมายถึงขั้นติดคุกติดตะราง
เพราะเป็นการกระทำผิดที่ทำลายความน่าเชื่อถือของมาตรฐานความปลอดภัยสนามบินไทย!?!
ส่วนเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่มีส่วนช่วยเหลือพาคนภายนอกผ่านเข้าไป
รวมถึงศุลกากร 2 รายที่มอบบัตรประจำตัวสำหรับผ่านเข้าประตูเขตควบคุม เพื่อให้ติ่งเกาหลี 2 รายดังกล่าวเอาไปใช้เพื่อผ่านเข้าไปได้
ซึ่งเมื่อมีการนำบัตรไปแตะผ่าน ก็มีบันทึกเป็นหลักฐานชี้ตัวได้ชัดแจ้ง
คงจะนึกถึงชะตากรรมทางหน้าที่การงานของตัวเองได้ และยังมีโทษทางอาญา เนื่องจากถูกแจ้งความดำเนินคดีไปพร้อมกันด้วย
ขณะที่ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ออกโรงในเรื่องนี้เอง เมื่อได้แสดงความเอาใจใส่ ไล่จี้เอาผิดกับคน ที่ก่อเรื่องก่อราว
ด้านหนึ่งก็ช่วยกอบกู้ภาพรวมว่า เมื่อเกิดเหตุก็ตรวจสอบ ได้เร็วและจัดการทางกฎหมายอย่างฉับไวไม่มีละเว้น
อาจจะพอกู้ความเชื่อมั่นต่อนานาชาติได้บ้าง
แต่ก็คงต้องตรวจสอบความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ การท่าอากาศยานเองด้วยอีกส่วนหนึ่ง เพื่อจะได้มีระบบที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อไม่ให้มีใครคิดตื้นๆ ทำเรื่องเสียหายขนาดนี้ได้อีก
อีกทั้ง ที่น่าแปลกใจก็คือ ทำไมเจ้าหน้าที่ศุลกากร จึงยินยอมช่วยเหลือให้คนภายนอกเข้าไปพื้นที่ควบคุมได้
ทำไมไม่คิดว่า เมื่อเป็นพวกคลั่งดารา ต้องการบุกรุกเข้าไปจับไม้จับมือศิลปินโปรด
แล้วก็ต้องมีการโพสต์อวดในโซเชี่ยล ซึ่งก็ต้องเป็นเรื่อง โดนสอบสวนสาวมาถึงได้แน่ๆ
ไม่น่าเชื่อว่าจะคิดสั้น ไปยินยอมช่วยเหลือการกระทำผิดดังกล่าวได้
เรื่องสนามบินนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มีอะไรกระทบมาตรฐานความปลอดภัย ย่อมส่งผลถึงวงการบินพาณิชย์
จะแค่คนคลั่งดาราเกาหลี หรือจะเป็นระดับม็อบการเมืองสุดโต่งที่เข้ายึดสนามบิน
หากจัดการไม่ดี
คือทำลายความเชื่อถือในระดับโลก!
