“วงค์ ตาวัน”

ในโลกยุคดิจิตอล จึงไม่ใช่เรื่องยาก ที่ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ผู้หลบหนีคดี จะสื่อสารกับคนในประเทศไทยได้อย่างรวดเร็วฉับไวและอย่างกว้างขวาง เพราะคนส่วนใหญ่ล้วนอยู่กับโซเชี่ยลมีเดีย แต่พร้อมๆ กันใครจะตอบโต้กลับ 2 พี่น้องชินวัตร ก็ทำได้ไม่ยากเช่นเดียวกัน

ทั้งหลายทั้งปวงก็อยู่ที่ชาวบ้านนั่นแหละ ว่าจะเชื่อใคร ให้น้ำหนักฝ่ายไหนมากกว่ากัน

ความจริง คาดเดาได้ไม่ยากว่า เมื่อการเมืองเริ่มเปิด เริ่มคลี่คลายกลับไปสู่ประชาธิปไตย แม้ว่าจะไม่ถึงกับ เต็มใบก็ตาม

จะเป็นช่วงเวลาที่ทักษิณและยิ่งลักษณ์จะยิ่งรัวๆ มากขึ้น เพื่อปลุกพลังฝ่ายไม่เอาทหาร ในการไปลงคะแนนเลือกตั้ง

แต่ก็น่าแปลก ที่คนบางกลุ่มบางพวกพยายามตีความว่า การที่ทักษิณยังไม่ยอมเลิกเช่นนี้ ก็ยากที่การเมืองไทยจะสงบ

โหมกระแส เมื่อทักษิณยังปลุกมวลชนอยู่แบบนี้ หลังเลือกตั้งก็จะยังวุ่นวายอยู่แน่ๆ!?!

เพื่อนำไปสู่ข้อสรุปที่ว่า จึงจำเป็นที่คสช.จะต้องอยู่กับการเมืองต่อไป โดยอาศัยพรรคการเมืองที่กำลังตั้งกำลังดูด

เพื่อกลับมาเป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้งอีก

เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ทักษิณยังป่วนไม่เลิก

มีคนจำนวนไม่น้อยฟังทฤษฎีนี้แล้วส่ายหน้า บอกว่ายังปลุกผีทักษิณกันไม่เลิก

เพราะผีทักษิณเป็นการต่อลมหายใจ ต่ออายุบทบาทให้กับคนพวกหนึ่ง

รวมไปถึงเห็นว่า ทักษิณจะเลิกเคลื่อนไหวหรือไม่เลิกก็ตามที แต่ช่องทางของทักษิณและเครือข่าย นั้นคือ สนามเลือกตั้ง!

ยังไม่มีการเคลื่อนไหวในลักษณะจะสร้างกระแสเพื่อล้มเลือกตั้งอะไรเลย

ยิ่งไปดูกลุ่มนปช. เครือข่ายมวลชนฝ่ายนี้ ตลอด 4 ปียุครัฐประหาร มีแต่ก้มหน้าเงียบสงบ ไม่ต้องการให้เป็นประเด็นในการยืดอายุรัฐบาลคสช.

เรียกหาการเลือกตั้งอย่างเดียว

ที่สำคัญระบบเลือกตั้ง เป็นระบบเดียวที่เปิดโอกาส ให้ประชาชนส่วนใหญ่มีส่วนร่วมทางการเมืองได้ ร่วมตัดสินใจชะตากรรมประเทศได้

แถมเป็นระบบที่เท่าเทียมกัน 1 สิทธิ์ 1 เสียง ไม่ว่าจะยากดีมีจน

ถ้าทักษิณหรือเครือข่ายจะยังเคลื่อนไหว โดยผ่านเวทีประชาธิปไตย ก็คือเวทีที่ประชาชนเป็นคนตัดสินใจ

ส่วนคสช.เมื่อจะอยู่กับอำนาจต่อไป แต่ถ้ามาด้วยระบบการเลือกตั้ง ก็ว่ากันไม่ได้

แต่ทั้งหมดต้องขึ้นกับการตัดสินใจของประชาชนจริงๆ เปิดกว้าง เที่ยงธรรมจริงๆ

ไม่ใช่โดยกติกาที่ล็อกฝ่ายอื่นหมด มีฝ่ายเดียวที่ทำทุกอย่างได้

รวมทั้งไม่ใช่เอาแต่เชียร์ให้คสช.ต่อท่อต่อไป โดยจะไม่ปลดล็อกก็ได้ เพียงเพราะกลัวผีทักษิณ!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน