ดูคลิปแล้วดูตัวเอง
โดย “วงค์ ตาวัน”
ยุคที่มีกล้องติดหน้ารถแทบทุกคัน ทำให้ในแต่ละวันมีคลิปบันทึกเหตุการณ์บนท้องถนน ให้ชาวโซเชี่ยลมีเดียได้ฮือฮาและได้แสดงความเห็นกันไม่มีหยุดหย่อน หลายครั้งยังเป็นหลักฐานสำคัญในการพิสูจน์ความจริง หรือใช้ในทางคดีได้อีกด้วย
ยิ่งในสภาพการจราจรวุ่นวายติดขัด ทำให้ทุกคนร้อนรนไปด้วย จะรีบไปธุระ รีบไปทำมาหากิน เพราะเศรษฐกิจมันบีบรัด
คลิปเหตุระทึกบนท้องถนน ก็ยิ่งมีมากมายไปด้วย
อันที่จริง ยิ่งมีคลิปเหล่านี้ให้เราได้ดูได้เห็นกันมาก สำหรับคนจำนวนไม่น้อย เขาดูแล้วช่วยให้เรียนรู้ เป็นบทเรียนว่าหากต้องเผชิญด้วยตัวเอง จะต้องคิดและตัดสินใจเช่นไร
จะได้ไม่กลายเป็นคนหัวร้อนให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ หรือไม่กลายเป็นผู้ต้องหาคดีรุนแรง เพียงแค่เรื่องไม่เป็นเรื่องบนท้องถนน
นั่นเป็นประโยชน์สำหรับคนจำนวนไม่น้อย ที่ดูอะไรแล้วรู้จักทบทวน หรือเห็นปรากฏการณ์แล้วสามารถมองภาพรวมของปัญหาได้ครบ!
แต่ก็คงมีคนอีกบางส่วน ดูแล้วก็สนุกเร้าใจ หรือร่วมวิพากษ์วิจารณ์คนหัวร้อนอย่างดุเดือดด้วย
แต่พอถึงเวลาของตัวเอง อาจทำยิ่งกว่าเขาเสียอีก
เพราะไม่มองปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วเห็นภาพรวมของ ทั้งระบบ
ดังเช่น เมื่อไม่กี่วันมานี้ จึงมีคลิปข้าราชการระดับสูงรายหนึ่ง ลงจากรถแล้วมาถือปืนขู่ใส่คู่กรณีบนท้องถนน
ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ในระหว่างขับรถ
ลงเอยต้องเป็นคดี และน่าจะมีปัญหาเรื่องถูกสอบสวนของหน่วยงานต้นสังกัดตามมาอีกด้วย!
เพียงแต่คงไม่หนักหนาสาหัส เพราะแค่ชักมาถือเฉยๆ
แต่ก็นั่นแหละ ทั้งๆที่สังคมไทยเรา เพิ่งได้เรียนรู้เหตุการณ์ลุงวิศวะกับกลุ่มเด็กวัยรุ่น โดยศาลเพิ่งมีคำพิพากษาลงโทษจำคุก
เชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยอ่านคำพิพากษาจบก็รู้ดีว่า ถ้าเป็นตนเองควรทำเช่นไร เป็นอุทาหรณ์ช่วยเตือนสติอย่างดี
แต่คนจำนวนไม่น้อยเห็นข่าวแล้วก็ไม่มองให้เห็นถึงภาพรวมของปัญหา พอถึงเวลาก็ยังกระทำซ้ำหรือทำใกล้เคียง!?
คนในสังคมก็มีให้เห็นต่างๆ กันไป
คนบางส่วนดูภาพยนตร์สะท้อนปัญหาปลาการ์ตูนว่า ไม่ควรจับใส่ตู้ปลา แต่พอหนังจบแห่กันไปร้านขายปลา เพื่อซื้อมาเลี้ยงในตู้ปลาที่บ้าน เพราะเห็นภาพในหนังแล้วมันสวยดี
หรือคนยุคหนึ่งเดินขบวนไล่รัฐบาลทหาร ยอมตายเพื่อให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้ประชาธิปไตย
แต่มาอีกยุคเดินขบวนไล่นักการเมือง โดยไม่สนใจมองอะไรให้เป็นโครงสร้างเห็นอะไรให้เป็นระบบ
พอไล่รัฐบาลนักการเมืองเสร็จ ก็คือเอาอำนาจในมือประชาชนทั้งหมดประเคนให้คนหยิบมือเดียวไปด้วย!