คอลัมน์ ชกไม่มีมุม

วงค์ ตาวัน

การที่มีคนจำนวนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่คนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่สามารถสร้างกระแสและสร้างสถานการณ์จนนำไปสู่การหยุดประชาธิปไตย ด้วยข้ออ้างว่า นักการเมืองชั่วช้าโกงกิน

จึงต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง คือจะยังไม่ให้มีเลือกตั้งยาวนานที่สุด

เพื่อจะสร้างการเมืองที่ดีงาม ไร้การทุจริตคอร์รัปชั่น

แต่แล้ววันนี้ ประเทศไทยในยุคที่ปฏิรูปก่อนยังไม่ให้มีเลือกตั้ง ก็เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก!

ด้วยผลการจัดอันดับความโปร่งใส ตกฮวบ จาก 38 คะแนน อยู่อันดับ 76 ปีนี้ลดเหลือ 35 คะแนน ตกไปอยู่อันดับ 101

ด้วยการเปิดเผยของป.ป.ช.เองระบุว่า เพราะองค์กรเพื่อความโปร่งใสหรือทีไอ

อ้างอิงแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหลักประชาธิปไตย

พร้อมทั้งผู้รอบรู้หลายรายชี้ตรงกันว่า ยิ่งเราไม่ใช่ประเทศประชาธิปไตย ยิ่งขัดกับหลักตรวจสอบคอร์รัปชั่น

ไม่มีสังคมไหนในโลกนี้หรอกที่เชื่อว่า การปราบนักการเมืองขี้โกง ต้องล้มประชาธิปไตย

มีแต่คนบางส่วนในบ้านเรา กับประเทศแนวคอมมิวนิสต์เท่านั้น ที่ยังเชื่อ!?!

เพราะบ้านเมืองที่ไม่มีประชาธิปไตย ย่อมไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้ถนัดถนี่

ถามตัวเองกันหน่อยว่า เกือบ 3 ปีมานี้ สังคมไทยสามารถตรวจสอบอะไรได้อย่างเสรีหรือไม่?

ทั้งอันดับของพม่าล่าสุดดีกว่าไทยเรา นั่นเพราะพม่าได้ผ่านพ้นยุคเผด็จการทหาร มีการเลือกตั้งอย่างเป็นประชาธิปไตยแล้ว

ทำให้อำนาจการเมืองมาอยู่ในมือประชาชน ทั้งโลกจึงเชื่อมั่นว่า แนวโน้มที่สังคมเปิดกว้าง ตรวจสอบง่าย ย่อมมีมากขึ้น

นี่อีกแหละที่ว่า ประชาธิปไตยก็คือการเลือกตั้ง เลิกอ้างกันได้แล้วว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง

เอาง่ายๆ ถ้าไม่มีเลือกตั้ง แล้วประชาชนอย่างเราจะมีส่วนร่วมทางการเมืองได้อย่างไร

ยกเว้นชอบให้ตัวเองถูกอำนาจเบ็ดเสร็จปกครอง มีความสุขที่ถูกคนมาชี้นิ้วสั่ง!!

เราต้องแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นจริงจัง ต้องยกระดับ แต่ต้องเลิกเชื่อผิดๆ ที่ว่า มีแต่นักการเมืองเท่านั้นที่ขี้โกง

ทั้งการสร้างสังคมที่โปร่งใส ต้องด้วยการเข้ามามีอำนาจการเมืองของประชาชน ในระบบการเมืองที่เปิดกว้าง มีเสรีภาพ

ผลอันดับความโปร่งใสที่ตกต่ำดำดิ่ง คือตัวอย่างอีกชิ้นที่ชัดแจ้ง!!

การล้มประชาธิปไตยด้วยข้ออ้างเพื่อล้างนักการเมืองโกง

กำลังย้อนศรมาทำลายประเทศชาติของเราเอง ดังที่เห็นอยู่นี่ไง!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน