คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
น่าจะชัดเจนอยู่แล้วว่า กรณีประเทศไทยเราเพิ่งเป็นข่าวใหญ่ เมื่อโดนองค์กรเพื่อความโปร่งใสหรือทีไอ ลดอันดับ จาก 38 คะแนน อยู่อันดับ 76 ร่วงลงมาเหลือ 35 คะแนน และอันดับลงไปที่ 101 สะท้อนความตกต่ำภาพพจน์ด้านการทุจริตคอร์รัปชั่นนั้น
ปัจจัยสำคัญ ที่เขานำมาใช้ประกอบการพิจารณาก็คือ การที่ระบบการเมืองขาดการตรวจสอบได้อย่างเสรีและเปิดเผย
ปัญหาการเมืองที่ไม่มีประชาธิปไตย ทำให้ทั่วโลกเชื่อว่า ระบบการตรวจสอบย่อมติดๆ ขัดๆ
แล้ววันนี้ ทั้งโลกกำลังได้ข้อมูลที่ช่วยตอกย้ำอย่างหนักหน่วงเข้าไปอีก
เมื่อองค์กรด้านสื่อมวลชนจำนวนมาก ออกมาต่อต้านร่างกฎหมายการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน ซึ่งกำลังเดินหน้าอยู่ในสปท.
โดยชี้ว่า แทนที่จะออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน
กลับเน้นควบคุมสื่อมวลชนโดยใช้อำนาจรัฐเข้ามาแทรกแซง!
ถือได้ว่า ไม่สอดคล้องกับหลักการของร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านการลงประชามติ
ซึ่งมีเจตนารมณ์ให้สื่อมวลชนกำกับดูแลกันเองโดยอิสระ ปราศจากการแทรกแซงจากภาครัฐ
อันจะมีผลกระทบโดยตรงต่อบทบาทของสื่อมวลชนในการตรวจสอบอำนาจรัฐ!
รวมทั้งเป็นการปิดกั้นเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน
คำแถลงขององค์กรสื่อที่ชี้ว่า จะกระทบต่อบทบาทในการตรวจสอบอำนาจรัฐนั้น เป็นประเด็นสำคัญยิ่ง
ไม่ตระหนักกันอีกหรือว่า อันดับความโปร่งใสของประเทศไทยที่ตกฮวบ
ส่งผลเสียหายหลายประการ ไม่เพียงภาพพจน์ ความน่าเชื่อถือ ยังเสียหายถึงการค้าการลงทุนขนาดใหญ่อีก
นั่นเพราะ โลกเขาไม่เชื่อประเทศที่มีลักษณะปิดกั้น สังคมและสื่อมวลชนทำหน้าที่ตรวจสอบไม่ได้
เมื่อประชาชนไม่มีส่วนร่วมในทางการเมือง เมื่อสิทธิเสรีภาพถูกจำกัด
เขาก็ลดอันดับด้านคอร์รัปชั่นทันที
ป่านนี้พอเห็นข่าวร่างกฎหมายที่ออกมาแทรกแซงสื่อ ตอกย้ำอีก
เขาคงยิ่งมั่นใจว่า ที่เอาประเด็นนี้มาใช้พิจารณาจัดอันดับ ไม่ผิดแน่ๆ
อันดับโปร่งใสลด ก็ไม่สำเหนียก ยังเสริมเรื่องกฎหมายคุมสื่ออีก
คงกลัวว่าโลกจะรังเกียจและคว่ำบาตรเรา ไม่พออีกกระมัง!