คอลัมน์ ชกไม่มีมุม

วงค์ ตาวัน

บรรดาประชาชนที่สนใจติดตามข่าวครูจอมทรัพย์ซึ่งร้องขอให้รื้อฟื้นคดีรถชนคนตาย เพื่อพิสูจน์ว่าตนเองเป็นแพะ ต่างก็บ่นเสียดายไปตามๆ กัน เมื่อพยานปากสำคัญที่สุด อันเป็นต้นเรื่องของการร้องขอให้รื้อฟื้นคดี คือ นายสับ วาปี ไม่ได้ขึ้นเบิกความในกระบวนการไต่สวนชั้นศาล

พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ผู้ควบคุมคดีนี้ ยอมรับว่า ได้ตัดชื่อออกไปจากบัญชีพยาน

สร้างความแปลกใจไม่น้อย

ตัดทิ้งกันดื้อๆ ทั้งที่คือพยานปากเอก

คือต้นเรื่อง คือพยานหลักฐานใหม่ ที่ครูจอมทรัพย์นำมายืนยัน ในการเข้าพึ่งพิงกระทรวงยุติธรรม อันนำมาสู่การร้องขอให้ศาลพิจารณารื้อคดีใหม่!

จนกระทั่งศาลจังหวัดนครพนม เปิดการไต่สวนพยานหลักฐานใหม่ของทั้งสองฝ่าย

เพื่อจะนำไปพิจารณาเสนอต่อศาลฎีกา ว่าสมควรให้รื้อฟื้นคดีมาพิจารณาใหม่หรือไม่!?

ในเมื่อประเด็นสำคัญของการร้องเรียนจนเรื่องนี้เป็นข่าวฮือฮาขึ้นมา จนเกิดกระแสครูเป็นแพะ

ก็เพราะมีการอ้างอิงว่า นายสับ วาปี ได้ไปปรากฏตัวเดินขึ้นโรงพักนาโดน นครพนม เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2557

เพื่อแจ้งกับตำรวจว่า ตนเองคือผู้ที่ขับรถชนคนตาย ไม่ใช่ครูจอมทรัพย์

มีบันทึกเป็นหลักฐานเอาไว้ชัดเจน

หลังจากครูจอมทรัพย์พ้นโทษออกมา ก็นำเอาคำให้การของนายสับ วาปี นี่แหละ มายื่นร้องขอความเป็นธรรม

นี่คือพยานเอก พยานสำคัญ นำมาสู่การเดินเครื่องเพื่อต่อสู้ขอความเป็นธรรมของครูสาว!

แถมก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ดุษฎี ก็ยืนยันมั่นใจในตัวพยานปากนี้มาก

แต่แล้วพอถึงวันที่ศาลเปิดให้ไต่สวน แล้วนายสับ วาปี ก็เดินทางไปศาล กลับพบว่าตนเองไม่มีชื่อในบัญชีพยาน เลยต้องเดินทางกลับไป

ประชาชนที่รอฟังคำเบิกความของพยานเอก พยานต้นเรื่อง ก็ต้องมึนงงไปตามๆ กัน

แต่ทั้งหลายทั้งปวง ฟังพ.ต.อ.ดุษฎีอธิบายแล้ว ก็ต้องนับว่าเรียบ นิ่ง เหนือชั้นมากๆ!

บอกว่าตัดพยานปากนี้ออกไป เพราะได้เปลี่ยนแนวทางการสู้คดีใหม่ เน้นพิสูจน์รถว่าไม่เคยชน เน้นต่อสู้ว่าครูจอมทรัพย์ไม่ผิด

ส่วนใครจะเป็นคนชน เป็นเรื่องของตำรวจต้องไปดำเนินการเอาเอง

อธิบายได้ลื่นไหล ฟังจนลืมกันไปเลยว่า อ้าวก็นายสับ วาปี คือพยานที่อ้างอิงเพื่อรื้อคดีมิใช่หรือ!?!

พูดกันตรงๆ คงรู้ทั้งรู้แล้วว่า คำให้การของนายสับ วาปี ต้นเรื่องทั้งหมดนี้ ความจริงคืออะไร

แต่มาไกลถึงขนาดนี้แล้ว ต้องเดินหน้ากันต่อไป ถอยไม่ได้เสียแล้ว!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน